คูปรี

 

 

 

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐพาดหัวข่าวรองจากหัวข่าวใหญ่ว่า “ไทยตะลึงมีชุกชุมในเมืองลาว” เนื้อหาของข่าวกล่าวว่า พบคูปรีสัตว์หายากที่สุดในโลก มีมากมายในประเทศลาว พรานป่าไม่รู้เรื่องไม่รู้คุณค่ายิงตายเป็นว่าเล่น ชำแหละเนื้อส่งตลาด ส่งร้านขายลาบขายก้อย ส่วนเขาของมันเอามาขายในราคาถูก

อดีต ผอ. อนุรักษ์สัตว์ป่าของไทยรู้ข่าวตกตะลึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของลาวก่อนสัตว์หายากที่สุดนี้ จะสูญพันธุ์โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และมีการขบคิดจะดำเนินการติดต่อเพื่อขอซื้อคูปรีเป็น ๆ มาเลี้ยงทำพันธุ์ในประเทศไทย

สดับข่าวแล้วก็รู้สึกชื่นใจอยู่หรอกที่คนบ้านเราพากันกระตือรือร้นเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนบ้านจะสูญเสียสัตว์มีค่าเหมือนกับที่เราสูญเสียไปแล้ว แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูก็ให้บังเกิดความรู้สึกทะแม่ง ๆ ในหัวใจพิลึก สมัยก่อนคูปรีบ้านเรานั้นมีมากมายไม่แพ้เมืองลาว พอถึงคราวหมดสิ้นแล้ว จึงมาขวนขวายแสวงหาเพื่อเอากลับคืนมา เหมือนกับเราเคยมีเนื้อทรายวิ่งพล่านเกลื่อนกล่น พอหมดแล้วก็ได้แต่พูดถึงอดีต แล้วมานั่งจับเจ่าหน้าดำเสียดมเสียดาย

คล้าย ๆ กับเรามีแก้วสวย ๆ แล้วมีค่าราคาแพงสักโหลหนึ่ง แตกไปใบสองใบไม่รู้สึก ไม่ห่วง ไม่วิตกเพราะยังมีอีกตั้งหลายใบ พอแตกงวดลงไปเรื่อย ๆ ร่อยหรอลงทุกที จนเหลือใบสุดท้ายหรือแตกจนหมดแล้วนั่นแหละถึงได้รู้สึกกันขึ้นมาบ้าง ครั้นคิดจะหาทางให้มันมีเพิ่มขึ้นมาเหมือนอีตอนแรกก็ลำบากซะแล้ว

ที่ผมกล่าวว่า สมัยก่อนคูปรีบ้านเรามีเยอะแยะนั้น ไม่ได้กล่าวขึ้นมาลอย ๆ ผมมีหลักฐานยืนยัน ถ้ายังจำกันได้ก็คงนึกออกว่าผมเคยเขียนลงในคอลัมน์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับอาชีพล่าโคป่าของชนชาวพื้นเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อมูลนี้ได้มาจากหนังสือเก่าแก่ซึ่งเขียนขึ้นโดย พระโพธิวงศาจารย์ (ติสโส อ้วน) หนังสือเล่มนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2469 ถ้าใครยังเก็บหนังสือแปลก ฉบับที่ 387 ไว้ ก็ลองพลิกอ่านดู จะได้รายละเอียดทั้งหมดในนั้น

สมัยราว ๆ ปี พ.ศ. เดียวกันกับที่พิมพ์หนังสือเล่มนี้ โคป่าในเมืองไทยมีมากมายเป็นฝูง ๆ เวลาออกล่าไม่ต้องใช้ปืนผาหน้าไม้ให้ยากซะหรอก แค่มีม้าหนึ่งตัวกับหอกเล่มเดียวเป็นใช้ได้ ขี่ออกไปไล่แทงเอาดื้อ ๆ เลย

ลองนึกภาพกันดูก็แล้วกันว่า ชุกชุมเกลื่อนกลาดมากมายขนาดไหน แล้วทีนี้มานึกถึงสมัยนี้ว่าแตกต่างกันอย่างไร

เมื่อปีที่แล้วฮือฮาอยู่พักหนึ่งเพราะมีข่าว่าพบเห็นคูปรีในป่าแถบด้านจังหวัดสุรินทร์ มีเจ้าหน้าที่ทีมล่าเสือดำมักกะสันยกขบวนเฮกันไป นั่นแค่รู้เห็นข่าวคูปรีเพียงตัวเดียวยังตื่นเต้นกันถึงขั้นนั้น แต่ผลการติดตามล่าตัวคูปรี ปรากฏออกมาเป็นศูนย์ ไม่ได้อะไรเลย แต่กลุ่มผู้ล่าออกข่าวยืนยันว่าจวนเจียนได้ตัว คือหมายความว่าตามไปจนเกือบทัน เพราะเห็นรอยเท้าและขี้ของคูปรีอุ่น ๆ แค่นั้นแหละเป็นข่าวมหึมามโหฬาร

คูปรีเป็นสัตว์ที่มากและชุกชุมในป่าแถบชายแดนไทยลาวและเขมร โดยเฉพาะตรงรอยต่อของชายแดนสามประเทศ เป็นป่ากว้างล้ำลึกและครอบคลุมเนื้อที่อย่างไพศาลเข้าไปในประเทศเขมรและลาว ทุกวันนี้ก็ยังมีชุกชุม ไม่ได้สูญพันธุ์ไปไหน เป็นแต่เพียงว่ามันไม่มีอยู่เมืองไทยเท่านั้น

เมื่อประมาณปี 12 หรือ 13 นี่แหละ ผมเคยเข้าไปเที่ยวป่าทางด้านชายแดนบริเวณรอยต่อสามประเทศ และทางด้านจังหวัดอุบลราชธานี ยังเห็นพรานป่าล่าคูปรีได้บ่อย ๆ ที่บ้านของผมก็มีเขาของมัน จำได้ว่าซื้อต่อจากพวกพรานในราคาหนึ่งร้อยบาท การล่าคูปรีของพรานไทยนั้นเขาข้ามเขตเข้าไปล่าในป่าของเขมร พอล่าได้ก็แล่เนื้อตากแห้งในป่านั่นแหละ แล้วขนกลับเข้ามาขายในเขตไทย พร้อมด้วยเขาของมัน

วิธีการล่าของพวกพราน เขาไปกันเพียงสองสามคน มีย่ามใส่ข้าวสารและเกลือจำนวนมาก แบกใส่หลังเดินไปเงียบ ๆ ไม่เหมือนทีมล่าเสือดำมักกะสัน ที่ยกกันไปเป็นสิบ ทั้งเสบียงกรังและลูกหาบ พร้อมยังกะในหนัง แถมยังมีการติดตามทำข่าวเอิกเกริกใหญ่โต ตอนนั้นผมนั่งกินเหล้ากะเพื่อนฝูงแล้วสวมวิญญาณพิเภก ทายได้เลยว่าไม่มีทางได้ตัวคูปรีแน่นอน แล้วก็จริงเสียด้วย

โธ่ ลองคิดดู ป่าเมืองไทยมันเหมือนกะป่าเมืองนอกเมื่อไหร่ เมืองนอกเขายกขบวนกันไปมากมายแค่ไหนก็ได้ เพราะมันเป็นป่าโปร่ง เป็นทุ่งราบ การพบเห็นสัตว์สามารถจะเห็นได้ในระยะไกล หลาย ๆ กิโลเมตร แต่ของไทยแค่สักหกเจ็ดเมตรก็เกือบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว นอกจากต้นไม้พรืดไปหมด ถ้าขืนยกกันไปมากมายขนาดนั้น สัตว์ป่าอยู่ข้างหน้าชนิดเอามือเขกหัวมันได้ ก็ไม่มีทางเห็นตัวมันง่าย ๆ หรอก นอกจากไอ้เซ่อตัวนั้นมันหูหนวก จมูกบอด ตาพิการ เท่านั้นแหละถึงจะได้ตัวมัน

ถ้าคิดจะจับคูปรีเป็น ๆ ไม่ต้องถึงขั้นระดมทีมล่ามากมายเกลื่อนกล่นแบบนั้นหรอกขะรับ ให้บุกเข้าไปในป่าที่เชื่อว่ามีคูปรี แล้วสอนพรานพื้นเมืองเจ้าของถิ่นให้รู้จักการใช้ปืนยิงยาสลบ แล้วจ้างพวกเขาออกไปล่าด้วยตัวเขาเอง ตามวิธีของพวกเขา ถ้ามีทุนมากมีงบประมาณพอก็เอาเทคโนโลยีเข้าช่วย อาจแจกวิทยุติดต่อให้เขาพกไป พอได้ตัวคูปรีแล้ววิทยุบอกกัน (ถ้าไม่กลัว ผกค. จับคลื่นได้ก็แล้วไป) จากนั้นเอาเฮลิคอปเตอร์ไปรับมาเลย ถ้าทำตามวิธีนี้รับรองได้คูปรีแน่นอน

พอได้มาแล้วจะเอาตั้งฟาร์มแพร่พันธุ์ หรือเอาใส่พิพิธภัณฑ์ก็ตามแต่อัธยาศัย หรือจะใช้วิธีเอาเงินซื้อจากลาวก็ได้ไม่ผิดกติกา แต่สำคัญตรงที่ลาวเขาจะเล่นด้วยหรือไม่เท่านั้น เพราะเชื่อว่าเขาคงเหมือน ๆ กะเราอีตอนเคยมีคูปรีมาก ๆ นั่นแหละ รอให้หมดป่าเสียก่อนค่อยกระตือรือร้น

เคยมีเพื่อนพ้องถามผมเหมือนกัน ว่าโคป่าที่ผมพูดถึงนี่มันอันเดียวกะคูปรีแน่หรือแน่ซีขะรับ คูปรีกับโคป่ามันตัวเดียว อันเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์ คำว่าคูปรีไม่ใช่ภาษาไทย แต่เป็นภาษาเขมร คูแปลว่า โค ปรีแปลว่า ป่า คูปีก็โคป่าหรือจะเรียกให้วิลิศมาหราว่าโคไพรก็ได้ ป่าก็คือไพร ไพรก็คือป่า ความหมายเดียวกัน ไม่เชื่อไปพลิกพจนานุกรมไทย เขมร แถว ๆ สุรินทร์หรือบุรีรัมย์ยังได้

ธรรมชาติของมนุษย์ในโลกนี้ล้วนแต่ต้องการเป็นผู้ครอบครอง ทุกคนอยากเป็นผู้ครอบครองทั้งนั้น บางครั้งเมื่อครอบครองแล้ว ผู้ครอบครองแยกแยะไม่ออกว่าอะไรมีค่าอะไรไม่มีค่า สับสนและลังเลใจ

อะไรก็ตามเมื่อมีอยู่ใน ครอบครองแม้เป็นของมีค่า บางทีไม่สนใจใยดี อาจเพราะเห็นว่ามันยังอยู่ภายใต้การครอบครอง และยังมีมากมาย ยังไม่สูญเสียไปไหน ต่อเมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่สูญเสียแล้ว จึงเริ่มรู้สึกเสียดาย จนถึงขั้นแสวงหามาทดแทน บางทีหาไม่ได้ บางทีก็หาได้ แต่ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว

เคยสูญเสียของมีค่าในครอบครองไปมากมายแล้ว ให้ถือเสียว่าเป็นสิ่งเตือนใจให้ระวังจะต้องสูญเสียอีก ยังมีอะไรที่ควรถนอมและรักษาไว้ ให้นึกและไตร่ตรองหาวิธีรักษาไว้เถอะ อย่าให้เข้ารูปรอยเดิมอีกก็แล้วกัน

ผมละห่วงจริง ๆ

______________________

ตีพิมพ์ครั้งแรกที่……..

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน