แฟนพันธุ์แท้

 

แฟนพันธุ์แท้

ผมเคยเห็นคนที่ทั้งแขวน และพกพระเครื่องเป็นจำนวนเยอะ ๆ มาเป็นอันมาก

ทุกคนล้วนมีวิธีแขวน และพกคล้าย ๆ กันคือ ใส่สร้อยคอ, แหนบ, ตะกรุดคาดเอว และกระเป๋าถือ หรือสะพาย
อย่างเช่น อ.อนันต์ สวัสดิสวนีย์ แขวนพระในสร้อยคอเพียงองค์เดียว แต่กระเป๋าเล็ก ๆ ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ มีทั้งพระเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งรูปภาพหรือแม้แต่ตะกรุด อัดแน่นไปหมด

พระในคอของ อ.อนันต์ น่าสนใจมากเป็นพระโบราณ ทำด้วยหินทัชชัน(ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) ปางสะดุ้งมารตกทอดมาแต่ปู่ย่าตาทวดของพ่อตา ซึ่งมีเชื้อสายเป็นเจ้านายของลาวในอดีต

เคยมีคนเอาสมเด็จบางขุนพรหมแท้ ๆ มาขอแลกก็ยังไม่ยอม

ใครรู้จักมักจี่กับ อ.อนันต์ ให้ขอดู จะสวยซึ้งตรึงใจแค่ไหนก็จะเห็นเอง

อ.เบิ้ม สุวัฒน์ มีพระในสร้อยคอมากขึ้นหน่อย บางทีคล้อง 2 พวง แต่กระเป๋าสะพายบ่ามีสารพัดของขลังเพียบแปร้ทั้งพระผง ทั้งเหรียญ สีผึ้ง น้ำมัน ครบถ้วนพร้อมใช้ พร้อมแจกญาติโกโหติกา ทุกเวลา

พระในคอจะแขวนเป็นเหลักอยู่ 2 องค์ คือ เหรียญรุ่น 2 ของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดูฉิมพลี และ พระปรกโพธิ์ ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว (องค์นี้เอาเม็ดยาจินดามณีแปะไว้ที่พระหัตถ์พระ 1 เม็ด อีกด้วย)

ส่วนสร้อยเส้นหนึ่งจะเป็นตะกรุด 9 ดอก ของหลวงพ่อหนูอินทร์ จ.กาฬสินธุ์

ไม่นับตะกรุดคาดเอวอีกคนละสายที่ทั้ง 2 อาจารย์มีเหมือนกัน

ถ้าจำไม่ผิด อ.อนันต์ จะคาดเอวด้วยตะกรุด หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง, หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง และหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า

ส่วน อ.เบิ้ม สุวัฒน์ คาดเอวด้วยตะกรุด หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน, หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงพ่อสังข์ วัดบ้านกลอ (ใหม่)

นี่พูดถึงเฉพาะคนที่รู้จัก คนที่เคารพนับถือกันเท่านั้น ไม่รวมคนอื่น ๆ ซึ่งก็มีวิธีแขวน และพกของขลังทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน

ใครจะแขวนจะพกพระได้มากแค่ไหน ก็ยังดูเป็นปกติธรรมดา ไม่เห็นแปลก แต่ถ้าพูดถึง คุณทวีพร ทองคำใบ ทุกคนจะยอมรับนับถือว่าท่านผู้นี้เป็นยอดในการแขวนและพกพระ

เฉพาะสร้อยคอก็อย่างน้อย ๆ 5 เส้น แหนบอีกนับสิบ กระเป๋าถืออีกร่วมร้อยองค์ ตะกรุดคาดเอวอีก 3 เส้น

พระทุกองค์เลี่ยมตลับเงินอย่างดี คิดดูจะหนักแค่ไหน

บางวันแบกไม้เท้าเสกของหลวงปู่พรหมาไว้ไล่หมา ขณะปั่นจักรยานก็ยังเคยเห็น

คุณทวีพร ทองคำใบ เป็นนักวาดภาพแสตมป์มือฉมังของเมืองไทย
และเป็นคนที่เรียกว่า “ตกน้ำไม่ไหล”

คือตกน้ำตรงไหน ก็งมเอาตรงนั้นเลย

เมื่อเปรียบกับคุณทวีพรแล้ว คนอื่น ๆ จะต้องเจียมเนื้อเจียมตัว

ถึงแม้ว่าคุณทวีพรเป็นแชมป์ในการแขวนและพกพระในหมู่พวกเราแล้วก็ตาม แต่คุณทวีพร จะเทียบกับ คุณวสุธร โง้วศิลปศาสตร์ (ตี๋) ไม่ได้เลย

ขอให้ดูรูปคุณวสุธรกับวิธีพกพระของแกดูก็แล้วกัน

ต่อไปนี้ผมจะเรียกคุณวสุธรว่า คุณตี๋ ตามถนัดปาก

คุณตี๋เอาพระทั้งแบบผงและโลหะสารพัดหลวงพ่อหลวงปู่ ทั้งประเทศมาเลี่ยมพลาสติก และร้อยพระสานประกอบกันจนกลายเป็นเสื้อสวมใส่ได้

คะเนว่าจะมีพระทั้งหมดรวมแล้วประมาณ 300 องค์

มีอยู่คนหนึ่งเคยทำในลักษณะคล้าย ๆ กับคุณตี๋มาก่อน คือ เอาพระมาร้อยรวมกันหลายสิบองค์ จนกลายเป็นหมวก เสียแต่จำชื่อไม่ได้ จำได้แค่ว่าเป็นชาวจังหวัดลำปาง

แต่คุณตี๋บอกว่าไม่ได้ลอกไอเดียนี้จากใคร คุณตี๋คิดขึ้นเอง

ถ้าบังเอิญไปตรงกันก็ช่วยไม่ได้

เสื้อพระนี้คิดทำขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เหตุที่คิดทำก็เพราะว่าอยากแขวน อยากพกพระทั้งหมดที่มีอยู่

พอคิดได้ก็ลงมือทำทันที พอทำเสร็จก็เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นแชมป์พกพระอย่างสง่าผ่าเผยทันทีเหมือนกัน

เหตุที่คุณตี๋หันมาสนใจพระ ชอบพระ และพกพระอย่างเป็นชีวิตจิตใจก็เพราะได้ประสบอภินิหารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก

เรียกว่าเป็นประสบการณ์สำคัญ และยิ่งใหญ่ที่ทำให้ชีวิตจิตใจคุณตี๋มีแต่พระเต็มหมดทั้ง 4 ห้องหัวใจ

ไม่มีสักห้องเดียวจะว่างไว้ให้ผู้หญิงอีกด้วย

สาวไหนไม่เชื่อลอง ๆ ไปติดตอขอเช่าสักห้องดูสิครับว่าจะเต็มจริงหรือไม่

ตอนที่คุณตี๋มีอายุได้ 20 ปี (ปัจจุบัน 41) คุณตี๋มีแค่ เหรียญหลวงพ่อเกษม รุ่น 6 รอบ (สมทบทุนสร้างโรงพยาบาลสงฆ์) อยู่เพียงเหรียญเดียว ลักษณะเป็นเหรียญกลมมีรูปหลวงพ่อนั่งเต็มองค์อยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็อีกแล้วครับ…ลืม

คืนหนึ่งราว ๆ ตี 2 ไม่รู้นึกยังไง ไปนั่งเล่นอยู่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอุบลราชธานี อยู่เพียงคนเดียว กำลังเพลิน ๆ ก็สะดุ้งโหยง เพราะเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว เห็นคนกำลังไล่ยิงกันอยู่ใกล้ ๆ

คนถูกไล่ยิงไม่มีปืนก็วิ่งหนีอย่างเดียว คนไล่ยิงมีปืนก็ไล่ยิงอย่างเดียว

ทั้งคนหนีและคนไล่วิ่งมาทางเดียวกัน คือตรงมาหาคุณตี๋ พอถึงตัวคุณตี๋คนหนีก็คว้าตัวคุณตี๋ไว้เป็นกำบัง โดยเอาตัวของตนเองไปซ่อนอยู่ข้างหลังคุณตี๋ซะเฉย ๆ

คุณตี๋นี่ก็ช่างกระไรเลย ดันตัวแข็งตกใจ ทำอะไรไม่ถูกไปเสียอีก

คนไล่ยิงพอตามมาถึงก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม จ่อปืนยิงต่อ โดยเล็งปืนผ่านตัวคุณตี๋เหมือนว่าไม่มีคุณตี๋อยู่ตรงนั้น คือมีเจตนาจะยิงอีกคนให้ตายดับคาปืนอย่างเดียว

ใครจะขวางก็ไม่สน

ปรากฏว่าพอเหนี่ยวไก กระสุนก็ด้านถึง 3 นัด

คนวิ่งหนีเห็นท่าไม่ดีหรือจะเห็นท่าดีก็ไม่ทราบ ผลักคุณตี๋กระเด็นไปแล้วตัวเองก็หันหลังวิ่งหนีต่อไปทางโรงหนังสินราชบุตร

คนไล่ยิงก็วิ่งไล่ยิงเปรี้ยง ๆ ต่อไป จนหายลับไปทั้งคู่

หลังเหตุการณ์นั้นผ่านไป คุณตี๋จึงคิดออกว่ารอดมาเพราะอะไร

ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเหรียญหลวงพ่อเกษมรุ่นที่ว่านี้อยู่เพียงเหรียญเดียว

ตั้งแต่นั้นโลกก็อ้าแขนรับนักสะสมพระเครื่องคนใหม่อีกคนด้วยเหตุดังนี้แล

ทุกวันนี้คุณตี๋ยังคงสะสมพระไม่พอ เห็นว่ากำลังอยากได้เหรียญทศบารมี รุ่นปืนแตกของหลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช

ผมก็นึกในใจว่าจะมอบให้เป็นที่ระลึกสักเหรียญ

นี่ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่องที่น่าทึ่งมาก

เมื่อมาเป็นแชมป์พกพระขนาดนี้แล้ว ผมเห็นว่าพระขนาด 300 องค์นี้บางทีระเบิดนิวเคลียร์ก็คงจะทำอะไรคุณตี๋ไม่ได้

และก็ช่วยเบาแรงหลวงพ่อเกษมไปได้อีกเยอะ แทนที่จะรับศึกอยู่แต่เพียงองค์เดียว

ใคร ๆ ก็อย่าคิดเลียนแบบคุณตี๋ ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว

แม้ไม่สงวนลิขสิทธิ์เสื้อพระก็คงจะหาคนเอาอย่างได้ยาก

คุณตี๋ก็คงจะเป็นแชมป์ไปอีกนาน หรือจะตลอดกาลก็ยังบอกไม่ได้

ไว้ผมคิดหาวิธีล้มแชมป์พกพระได้เมื่อไร ค่อยขอท้าชิงเข็มขัดทีหลัง

ตอนนี้คิดไม่ออกเลย

———————————————————————–
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน  … จากหนังสือแปลก ฉบับที่ 520
วันที่ 1 กันยายน 2547
————————————————————————
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน