หลวงพ่อทวด … รุ่นกองทุนการศึกษา

หลวงพ่อทวด
รุ่นกองทุนการศึกษา


ผมต้องการความช่วยเหลือ

ผมต้องการเงินสัก 7 หมื่นเพื่อเริ่มกองทุนการศึกษาเด็กประถมเพื่อการพัฒนากีฬา

อย่าเพิ่งครับ…อย่าเพิ่ง

ฟังผมเล่าก่อน

เริ่มแต่ทีแรกเลย

เดิมอยู่กรุงเทพฯผมก็เล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นปกติ มีฝีมือพอเข้าขั้น พอมีชื่อเสียงออกไปเขย่าขวัญดาวรุ่งให้ร้องอุ๊ย ว้ายได้เล็กน้อย พอย้ายไปอยู่อุบลฯท่านอาจารย์สุพล สำราญ มาขอให้ช่วยทำทีมเทเบิลเทนนิสมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสำหรับรายการแข่งขัน ประจำปี ในกีฬามหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่กำลังจะมาถึงในปีนั้น ( ปี 2541 )

ว่างๆเลยรับ โดยไม่รู้มาก่อนหรอกว่าจะลุกลามใหญ่โตมาถึงตรงนี้

ระหว่างนั้นโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีโดยแนวคิดของท่านผอ.ครองจักร งามมีศรี ได้ริเริ่มให้มีการแข่งขันเทเบิลเทนนิสขึ้นประจำทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง ปีหนึ่ง 12 ครั้ง ผมก็นำนักกีฬาในทีมมหาวิทยาลัยไปร่วมแข่งขันด้วยตั้งแต่ทีแรก โดยนัยจะให้เป็นการฝึกซ้อมของลูกทีมไปในตัว

ไม่นึกสักนิดว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นไปสู่การพัฒนากีฬาให้กับเด็กบ้านนอกคอกนา

ดูเหมือนจะเป็นเดือนที่ 3 คุณธีระพร ฐานุศักดิ์ แห่งอีซูซุตังปักภาคอีสาณ ( อุบลราชธานี ) ย่องเข้ามากระซิบให้ดูอะไรสักอย่างที่อัฒจันทน์ด้านทิศเหนือ

เป็นเด็กเยาวชนขนาด 12 – 14 ปีทั้งนั้น

นั่งรวมกลุ่มกันเรียบร้อย ใส่เสื้อยืดสีเขียวสลับเหลืองเหมือนกันหมด พิมพ์ชื่อว่าโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรี ทั้งครูใหญ่ทั้งศิษย์รวมกันราวๆ35 คน มีครูคนเดียว ทราบภายหลังว่าเป็นครูใหญ่ชื่อว่าครูนิวาส สมคะเน

เด็กทั้งหมดนี้มาแข่งขันเทเบิลเทนนิสกับเขาด้วย และตกรอบกันหมดแล้วทุกคน ถึงตกรอบก็ยังไม่หนีไปไหน ยังคงนั่งเฝ้าดูแข่งขันกันต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ

ไม่เดินเพ่นพ่าน ไม่ลุกลี้ลุกลน

นึกชมในใจว่าครุเขาอบรมลูกศิษย์ได้ดีมาก ระเบียบวินัยจึงเห็นได้ชัดในนักเรียนทั้งกลุ่มนั้น

ดูอีกทียิ่งน่ารักไปใหญ่ ก็เป็นเด็กบ้านนอกคอกนาทั้งนั้น

ดูซื่อๆไปทั้งหมด

เป็นเหตุให้นึกสนใจและอยากรู้จัก

กำลังนึกอยากจะรู้จักอยู่พอดี

ก็โดยพลันทันใดท่านก็เดินมาหาผมแบบจู่ๆไม่รู้เนื้อรู้ตัว

แนะนำตัวตามธรรมเนียมไทยแท้แต่พองามแล้วก็เข้าเรื่องธุระว่าท่านอยากจะฝาก สตางค์ผมไปซื้อไม้ปิงปองให้ลูกศิษย์สัก 3 พันบาท เงินท่านมีแค่นั้น ซื้อได้กี่อันก็เอา

ไว้ใจผมได้ไง

ท่านก็ว่ามีอาจารย์สอนปิงปองท่านหนึ่งแนะนำท่านให้มาหาผมเพราะทราบว่าเข้ากรุงเทพฯบ่อยๆ

ไม่คิดระแวงหน้าระวังหลัง

ถ้าเกิดว่าผมจะเชิดเงิน 3 พันเข้าป่าไปเลยท่านจะว่าไง

ท่านครูใหญ่นิวาสก็ยิ้มแห้งๆ

ตกลงผมต้องทำตัวให้สมกับที่ท่านไว้ใจ ผมซื้อไม้ได้ 4 อัน มีเงินเหลือทอนให้อีก 200 กว่าบาท และบอกกับตนเองว่าจะต้องไปดูสถานที่จริงของโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรีให้ได้

โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรี ต.ท่าโพธิ์ศรี อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เป็นโรงเรียนระดับประถม อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 10 ก.ม. โดยออกไปทางอำเภอน้ำยืน มีสถานที่ซ้อมเทเบิลเทนนิสเป็นหอประชุมโล่งโจ้งไม่มีฝากั้นลม มีโต๊ะปูนของมูลนิธิสุขุโม 3 ตัว โต๊ะไม้เก่าๆ 2 ตัว มีนักกีฬาเกือบๆ 50 คน มีครูฝึกคนเดียวคือครูใหญ่นิวาส ที่ยังเล่นเทเบิลเทนนิสได้ไม่ถูกต้องนัก

เด็กนักเรียนไม่มีไม้ดีๆใช้ ที่มีนั้นเป็นไม้ที่ใช้ไม่ได้ เขาเรียกกันว่าไม้ป๊อกแป๊ก สภาพดูไม่จืด

บางทีเห็นแล้วจะนึกสงสัยเป็นเลาๆว่า อะไรกันล่ะนั่น ดูช่างคล้ายๆไม้ปิงปองซะจริงจริ๊ง

อย่าแต่เรื่องไม้ปิงปองไม่มีจะซ้อมเลยครับ บางคนไม่มีกระทั่งรองเท้าจะใส่ เสื้อกางเกงเก่าๆขาดๆน่าสมเพชเวทนา แต่ว่าหัวจิตหัวใจของคนที่รักจะเล่นเทเบิลเทนนิสของเด็กๆเหล่านั้นกลับมี อยู่อย่างเต็มเปี่ยมแบบไม่น่าเชื่อ รวมทั้งหัวใจของครูใหญ่นิวาสด้วย

เห็นดังนี้แล้วใครกันจะแข็งใจไหว

ตกลงปลงใจแล้วผมก็เดินทางมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์ เพื่อช่วยท่านครูใหญ่ฝึกสอนเด็กๆอีกแรง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

คนอื่นๆเห็นผมมาที่นี่ก็อาสามาด้วยเป็นครั้งคราว ผมก็ให้มาแบบการกุศลห้ามคิดตังค์

นอกจากห้ามคิดตังค์แล้วยังต้องให้บริจาคเสื้อผ้ารองเท้าเก่าๆ รวมทั้งอุปกรณ์ปิงปองทุกชนิดให้กับโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรีอีกด้วย

กระแสความเห็นใจ เมตตา สงสาร กรุณาแก่เด็กยากไร้ก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆจากทุกทิศทุกทางตามกำลังศรัทธา

8 เดือนต่อมา…เด็กๆเหล่าก็เริ่มขยับขึ้นไปยืนบนแท่นรับรางวัลที่ 3 จากการแข่งขัน

2 ปีผ่านไปก็คว้าแชมป์ได้หลายรุ่น ( ยกเว้นรุ่นใหญ่ 17 ปีขึ้นไป )

เมื่อปีที่แล้วสมัครเข้าสอบโรงเรียนกีฬา 12 คน ปรากฏว่าได้ทั้ง 12 คน

กลายเป็นแบบอย่างให้โรงเรียนตามหมู่บ้านข้างเคียงถือเป็นแบบอย่างที่ควรจะดำเนินตามถึง 8 โรงเรียน

ต่อมาก็ขยายผลออกเป็น 21 โรงเรียน 17 อำเภอทั่วจังหวัดอุบลฯ

เกิดเป็นชมรมผู้ส่งเสริมกีฬาปิงปองไทยขึ้นมาโดยความพร้อมใจของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่คิดจะทำกุศลด้วยกัน

เกิดวิทยากรสัญจรออกไปสอนเทเบิลเทนนิสอย่างสม่ำเสมอตลอดปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามแบบอย่างที่ได้เริ่มทำไว้ที่โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรี

ที่สุดก็เกิดกองทุนการศึกษาเพื่อจะให้ทุนแก่เด็กบ้านนอกที่เข้าร่วมโครงการเทเบิลเทนนิสทั่วจังหวัดอุบลฯ

เด็กเหล่านี้เป็นเด็กยากไร้อย่างแท้จริง ความฝันของพวกเขาไม่ได้ไกลถึงกับจะให้ตนเองเป็นแชมป์ประเทศไทยหรือแชมป์โลก เขาฝันแค่พอเอื้อมถึงคือขอให้ได้เข้าโรงเรียนกีฬาเป็นพอ

ทำไมโรงเรียนกีฬา

เพราะที่นี่เรียนฟรี กินฟรี อยู่ฟรี

ลำพังพ่อแม่ก็ไม่มีจะกิน ถึงมีบ้างก็กินกันกระพร่องแพร่ง อนาคตเรื่องการเรียนเป็นอันหวังไม่ได้ หลักสูตรสูงสุดอาจอยู่แค่ป. 6 เท่านั้น แต่หากว่าเข้าโรงเรียนกีฬาได้ แน่ใจว่าอนาคตยังมีอีกยาวไกล

ไม่ได้พูดจนเกินไปนะครับ

อยากรู้ว่าจริงไม่จริงให้หาโอกาสมาดูกันเองได้

ทุกวันนี้โรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรีพอไปได้สำหรับเรื่องการฝึกซ้อมเทเบิล เทนนิส มีศักยภาพพอจะออกไปเป็นพี่เลี้ยงโรงเรียนอื่นที่เพิ่งเริ่มต้นได้บ้าง แต่โรงเรียนอื่นๆนี่แหละครับปัญหาใหญ่ เพราะว่าทุกโรงเรียนมีสภาพเหมือนโรงเรียนบ้านท่าโพธิ์ศรียุคแรกทั้งหมด ขัดสนจนยาก ลำบาก ระกำไปเสียทุกเรื่อง อย่างโรงเรียนบ้านสมสะอาดสวนฝ้าย กำลังอยู่ในยุคไม่มีรองเท้าใส่เช่นกัน วิทยากรที่ออกไปสอนให้ต้องลอบเอามือป้ายน้ำตาที่บอกไม่ถูก มันไหลออกมาเพราะอะไร

ไม่ได้พูดจนเกินไปนะครับ

ไปดูกับตาตนเองจะเห็น

กองทุนการศึกษาที่คิดจะให้มีขึ้นนั้น เป็นกองทุนที่ขมรมผู้ส่งเสริมกีฬาปิงปองไทยรับผิดชอบดูแลอยู่ โดยจะเป็นผู้พิจารณามอบให้หรือเอาไว้สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการ ศึกษาและการกีฬาของเด็กประถม โดยมรแผนง่ายๆดังนี้

ระดับประถม ขมรมผู้ส่งเสริมกีฬาปิงปองไทยดูแลรับผิดชอบ

ระดับมัธยมโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีดูแลเมื่อนักเรียนระดับประถมผ่านคัดเลือกเข้าไปได้

ระดับมหาวิทยาลัยก็มีโครงการช้างเผือกรอรับอยู่

จะเห็นได้ว่าการศึกษาของคนที่เล่นกีฬาไม่ได้ว้าเหว่วังเวงเลย ตรงข้ามมีเส้นทางยาวไกลและอบอุ่นไม่น้อย

กองทุนจึงไม่ได้เกิดขึ้นโก้ๆ หรือเพื่อคนดูแลกองทุนนั่งงกถ่วงความเจริญแต่อย่างไร

กองทุนนี้จะให้แก่เด็กนักเรียนนักกีฬาที่ประพฤติตนดีและอยู่ในกรอบแห่งข้อ ตกลงที่ชมรมกำหนดขึ้น โดยแม้ว่าจะเป็นเด็กที่ที่พลาดสอบเข้าโรงเรียนกีฬา หรือแม้ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย ชมรมก็จะดูแลเรื่องให้ทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

วิธีหาเงินเข้ากองทุนมี 2 อย่าง

1. ให้กองทุนประกอบกิจการค้าได้เอง อย่างเช่น บริษัทไอร์แลนด์ แพลนเน็ต สปอร์ต จำกัด ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ปิงปองยี่ห้อโดนิกของเยอรมัน ก็ได้ให้ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัดอุบลฯ ผมก็ยกให้ชมรมเป็นผู้เป็นผู้ทำตรงนี้ กำไรทุกบาททุกสตางค์ยกให้ขมรม

2. จากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา

นี่แหละครับที่เป็นเหตุผลอันเป็นที่เกิดของหลวงปู่ทวด รุ่นกองทุนการศึกษา

ผมไปกราบเรียนให้หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัยทราบถึงที่มาที่ไปของกองทุน และการคิดสร้างหลวงพ้อทวดเพื่อหาเงินเข้ากองทุนอีกทางหนึ่ง หลวงปู่ท่านก็อนุโมทนาด้วยและอนุญาตให้ทำได้

ถ้าเป็นเรื่องของการศึกษาหลวงปู่เมตตาไม่มีประมาณ

ท่านเองก็สร้างโรงเรียนไว้ด้วยที่ใกล้วัดของท่าน

หลวงพ่อทวดรุ่นนี้ทำขึ้นทั้งหมด 2 พิมพ์ คือแบบลอยองค์ฝังปฐวีธาตุ สร้าง 71 องค์ องค์ละ 1,000 บาท อีกแบบเป็นพิมพ์ชนิดหลังเตารีดฝังปฐวีธาตุถ้ำกระแซง 500 องค์ๆละ 100 บาทและแบบธรรมดาไม่ฝังปฐวีธาตุ 2,000 องค์ๆละ 50 บาท

ถ้าบริจาค 1,000 บาทจะให้แบบฝังปฐวีธาตุถ้ำกระแซงด้วย 1 องค์รวมเป็น 2 องค์

  

 

  

 มวลสารหลวงปู่ทวดรุ่นนี้เหมือนกันทุกพิมพ์ทุกแบบ
ผงหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้, ผงฤษีหลวงปู่เปลี้ยเนื้อพิเศษ, ผงว่าน 108 และเกสร 108 ของหลวงปู่คำพันธ์, ดินใต้ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่ประเทศอินเดีย, ผงพระกำแพงศอกหลวงปู่ดูลย์และหลวงปู่สามเสก, ดินพระธาตุพนม, ดินพระธาตุท่าอุเทน, ดินพระธาตุจอมทอง, ผงนาคเกี้ยว, ผงฤษีอริยะธาตุ, ผงนิลกาฬ, ผงดินเกล็ดถ้ำ, ชานหมากหลวงปู่ขาว ถ้ำกลองเพล, ชานหมากหลวงปู่คำพันธ์, ชานหมากหลวงปู่ฤทธิ์, ชานหมากหลวงปู่หงส์, ผงหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน, ผงหลวงพ่อหนูอินทร์, ผงหลวงพ่ออุตตมะ, ผงหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง, ผงหลวงปู่ปหวน, ผงดอกบัววัดพระแก้ว, ข้าวก้นบาตรหลวงปู่หล้า ภูจ้อก้อ, ผง 300 กว่าอาจารย์ที่ผมสะสมไว้นานเนจนลืม รวมทั้งยังมีเครือเถาสาวหลงอีกด้วย.

หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ เป็นองค์ปลุกเสกตลอดคืนวันที่ 31 มีนาคม 2544 ที่วัดแก่งตอย

เชิญบริจาคตามกำลังศรัทธา

รู้อยู่ครับว่าตอนนี้ยังคงเป็นเวลาของเศรษฐกิจไม่ดี แต่กับคนใจดีนั้นมันไม่มีกาลสมัยหรอกครับ

ถึงได้ร้องลั่นมาแต่ไกลว่า ใครจะช่วยผมได้บ้าง

บางทีกีฬาก็แก้กองกิเลสได้จริงๆก็ได้ใครจะรู้

———————————————————————————
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารเส้นทางพระเครื่อง  ปีที่2 ฉบับที่ 15 พ.ศ.2544
——————————————————————————–
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน