04.คนคะนองปืนกับพระเครื่อง

เครดิตของจดหมายฉบับนี้มีอย่างบอกไม่ถูก

“12 ต.ค. 2536
เรียน คุณอำพล เจน ทราบ

ได้อ่านเรื่องที่เขียนของคุณแล้วสนใจมาก ในพระนาคปรก แต่ผมเป็นคนชอบพระที่สร้างด้วยเงินที่สุด ทองคำก็ไม่รัก

เมื่อคุณอำพลไม่ปรารถนาจะให้เช่าพระที่ทำด้วยเงิน ผมจึงขอเช่าบูชาอย่างละ 1 องค์เท่านั้น คือ

เนื้อทองเหลือง 1 องค์
เนื้อทองแดง 2 องค์

ได้ส่งเช็คไปรษณีย์มูลค่า 90 บาทมาพร้อมกับจดหมายนี้แล้วครับ

และหวังว่าคงมีโอกาสได้บูชาพระเนื้อเงินจากคุณอำพลสัก 1 องค์บ้างในวันข้างหน้านะครับ

ผมเป็นเพื่อนกับบิดาของคุณจิตณรงค์ คุปตัษเฐียร แต่ผมเรียกเขาว่าพี่หาญณรงค์ เพราะเขาแก่กว่าผม 3 ปี ส่วนคุณจิตณรงค์ก็เรียกผมว่า “อา” เมื่อคุณเอ่ยชื่อบุคคลนี้ว่าได้ทดลองพระ ผมจึงเชื่อสนิทใจ เพราะตระกูลนี้นับถือหลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้งมาก พระอื่น ๆ ถ้าไม่แน่ต้องขอลองดูเสมอจึงจะนับถือ และก็เป็นนักยิงปืนแม่นทั้งพ่อและลูกชายครับ

ด้วยความนับถือ
รอ.เสริมสุข นรินทรสรศักดิ์”

คงจำชื่อคุณจิตณรงค์ คุปตัษเฐียร ได้นะครับ ผมเคยเขียนถึงท่านผู้นี้ไปเมื่อหลายฉบับก่อนเกี่ยวกับที่คุณจิตณรงค์ได้นำ ฤาษีใหญ่รุ่นแรกของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ไปลองยิง ซึ่งผลก็คือยิงไม่ออก ทั้งปืนพกและปืนเอ็ม.16

เรื่องของการลองยิงพระหรือของขลังนี้พูดกันลำบากจริง ๆ

ผมนึกถึงสมัยฤาษีใหญ่รุ่นแรกปลุกเสกเสร็จใหม่ ๆ ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ของวันหนึ่งระหว่างต้นพรรษาปี 2535 หลวงปู่พรหมา เขมจาโร นำพระฤาษีทั้งหมดออกมามอบให้ผมและคุณไพบูลย์ ทรงสวัสดิ์ แห่งธนาคารกรุงไทย แล้วยังมีคุณทวีพร ทองคำใบ นักวาดภาพแสตมป์มือฉมัง อีกคนหนึ่งร่วมอยู่ด้วย ท่านหยิบพระฤาษีขึ้นมาถือไว้ในมือองค์หนึ่ง พิจารณาเงียบ ๆ สักครู่แล้วกล่าวกับผมว่า

“นี่ถ้าไม่คิดว่าจะเป็นการประมาทครูบาอาจารย์เอาไปวางไว้ที่ก้อนหินนั่นเอาปืนยิง ไม่ออกหรอกลูก”

ผมไม่เคยคาดหมายมาก่อนว่า จะมีใครถึงกับนำพระฤาษีรุ่นนี้ไปทดลองยิงและไม่คิดด้วยว่าพระฤาษีรุ่นนี้จะ ปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางอย่างเช่นทุกวันนี้

การลองยิงพระนั้นถือกันว่าเป็นการประมาทในครูบาอาจารย์ คำๆ นี้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ศิษย์ผู้เคารพนับถือในตัวครูบาอาจารย์ของเขา ละเมิดท่านด้วยปืน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องช่วยไม่ให้พระหรือของขลังชั้นแย่แต่โด่งดัง ด้วยคำคุยโม้โอ้อวดปลอดภัยต่อการถูกฉีกหน้าเมื่อพระกระจุยไปกับลูกปืน

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มักมีสองด้านเสมอ

มีดีย่อมมีชั่ว มีเก่งย่อมมีไม่เก่ง มีจริงย่อมมีไม่จริง ฯลฯ ควบคู่กันไว้เหมือนเงา

คนคะนองปืนกับพระเครื่องดูจะเป็นของคู่กันอีกคู่ที่มักมีอยู่ในโลกตลอดเวลา

ลองคุยกันเล่น ๆ ว่า คนทดลองพระนั้นมักมีเจตนาอย่างไร

1. ลองเพราะไม่เชื่อ
2. ลองเพราะอยากรู้ เพราะสนุกหรือเพราะความมันส์สถานเดียว
ข้อ 3 ข้อ 4 ก็คงมีอยู่แต่ผมนึกไม่ออก

กรณีทดลองยิงของคุณจิตณรงค์ ควรจะอยู่ในข้อแรก คือไม่เชื่อ ซึ่งกรณีนี้มีอยู่มาก อย่างเช่นครั้งหนึ่งกลุ่มของอาจารย์เบิ้มนำพระรอดเนื้อโลหะขึ้นไปสุสาน ไตรลักษณ์ ลำปาง เพื่อเข้าพิธีปลุกเสกของหลวงพ่อเกษม เขมโก หลังจากปลุกเสกเสร็จได้เดินทางกลับ ระหว่างทางซึ่งผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งเป็นนักเลงปืน ระดับมือปืนทีมชาติ (ขอสงวนนาม) ไม่เชื่อเรื่องพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จนถึงนครสวรรค์จึงจอดรถหาซื้อเป็ดมาตัวหนึ่งเอาพระรอดรุ่นนั้นผูกคอเป็ดให้ นักเลงปืนท่านนั้นยิงเองด้วยมือ

เสียงปืนเสียดหูขึ้นเปรี้ยงหนึ่ง เป็ดทดลองกระเด็นไปขนกระจาย สักครู่ก็ลุกขึ้นสะบัดหัวเดินง่อกแง่กต่อไป

พระรอดที่เคยแขวนคอเป็ด เวลานี้ถูกแย่งออกมาแขวนคอคนยิงเป็ด เลี่ยมทองอีกด้วย องค์อื่น ๆ ก็ไม่เอาเชื่อสนิทใจในองค์ที่ลองด้วยมือ

แบบนี้เรียกว่าลองเพราะไม่เชื่อ แต่ถึงงั้นก็เป็นการประมาทในหลวงพ่อเกษมอยู่ดี

ข้อที่พออะลุ้มอล่วยได้ก็คือ ก่อนยิงเป็ด ท่านอาจารย์เบิ้มได้อธิษฐานต่อหลวงพ่อเกษม ขอให้เขาได้ลอง เพราะว่าเขาไม่เชื่อ และกล่าวขมาลาโทษไว้ก่อนยิง

กรรมนี้คงผ่อนปรนลงไป ไม่หนักหนาสาหัสนัก

ข้อที่ 2 ลองเพราะสนุกข้อนี้เกิดเพราะผมเอง และเกิดด้วยมือตนเอง เหตุเกิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 28 ปี บ้านที่เมืองนนทบุรียังไม่ขาย เลี้ยงเหล่าพรรคพวกร่วม 10 คน จนทุกคนเมาระแน้กันทั่ว เรื่องคุยจิปาถะก็หยุดหมดมาเป็นเรื่องของขลัง คุยจนบ่มใจสุกได้ที่ ยกพระทั้งหิ้งออกมายิงทีละองค์

เรียงคิวยิงว่างั้นเถอะ

พระที่ว่าแน่ ๆ มีราคาแพง ๆ ยิงออกหมด

แต่มีองค์เดียวเท่านั้นที่ยิงไม่ออก เป็นพระกริ่งที่ไม่มีใครรู้จัก และผมเองก็ไม่เคยสนใจ คนแก่ชาวอีสานท่านหนึ่งให้ไว้เมื่อสมัยลงกรุงเทพฯ ตามหาลูกชาย ผมสงสารจึงเป็นธุระพาท่านออกหาโดยที่ผมไม่รู้จักคนแก่ท่านนั้นมาก่อนในชีวิต หาอยู่ 3 วันไม่พบ ท่านก็เลยถอดใจ และถอดพระที่แขวนในคอให้ผม ซึ่งผมปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ยอม ทำนองว่าทดแทนความมีน้ำใจของผมก็ได้ ท่านบอกแต่เพียงว่าพระนี้อยู่กับตัวท่าน 20 กว่าปีแล้ว ได้มาจากพระธาตุพนม

กระสุนนัดเดียวกันที่ยิงพระกริ่งองค์นั้นไม่ออกพอเอามาซ้ำใหม่โดยยิงขึ้นฟ้าก็ระเบิดเปรี้ยง

ทุกวันนี้ผมให้พระองค์นั้นแก่หลานชายซึ่งเป็นศุลการักษ์ไปแล้ว

แกล้ง ๆ ถามซื้อคืนก็สะบัดหน้าพรืด

กรรมอันนั้นที่ผมลองพระและประมาทในพระ คงผูกเวรผมไว้ไม่คลาย พระที่ผมสร้างถึงถูกลองคืนบ้าง

อย่างไรก็ตาม เรื่องลองพระนั้น เป็นเรื่องที่ห้ามปรามกันยากลำบาก และแสดงเหตุผลข้างเหมาะหรือข้างไม่เหมาะให้แพ้ชนะกันยาก

คงต้องถือคำของหลวงปู่ที่ว่า เรื่องของเขา เรื่องของเรา

แล้วย่อเป็นคาถาหัวใจดวงที่ 109 คือ

“ช่างเถอะ”

คิดเห็นแต่คำของหลวงพ่อชา สุภทฺโท คำหนึ่ง เป็นคำปรามนักลองพระที่ดีมาก คือคราวหนึ่งมีผู้มาฟ้องท่าน เขานำพระท่านไปลอง ท่านย้อนถามว่าลองแล้วเป็นอย่างไร

“ยิงออกครับ แต่ไม่ถูกพระ”

“คราวหน้าให้เอาพระมาแขวนคอแล้วลองกับตัวเองสิ มันถึงจะไม่ออก” หลวงพ่อกล่าว

คิดนึกไปถึงหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญอีกด้วย เพราะว่าท่านเคยกล่าวถึงการลองพระเหมือนกัน ท่านว่าเป็นการประมาทในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ทุกองค์ได้กล่าวไว้ แต่ท่านก็มีอนุญาตไว้อย่างหนึ่ง

“อย่าไปลองพระเลย เพราะว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้า ถ้าจะลองให้ลองปฐวีธาตุ”

ท่านหมายปฐวีธาตุของท่านซึ่งเป็นก้อนกรวดเล็ก ๆ แบบเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์

ครูบาอาจารย์ทุกองค์ในพุทธศาสนา ที่ปรากฏชื่อเสียง มีลูกศิษย์กว้างขวางโดยส่วนใหญ่แล้วเก่ง ๆ ทั้งนั้น แหละครับ ไม่มีครูบาอาจารย์องค์ใดเก่งกว่าองค์ใดหรอกครับ

บางคนว่าองค์นี้เก่งสู้องค์นั้นไม่ได้

แต่พอมรณภาพ กระดูกเป็นพระธาตุทั้งองค์

ไม่รู้จะเอาอะไรมาวัด
ถ้าจะเอาเรื่องยิงพระมาวัดก็พูดยากจริง ๆ

สมมุติว่าพระโมคคัลลาน์ กับพระสารีบุตร ออกพระเครื่องมาคนละชุด พระโมคคัลลาน์ก็คงจะเป็นพระที่ยิงไม่ออก เพราะว่าท่านเก่งทางมีฤทธิ์ ส่วนพระสารีบุตรเลิศทางปัญญา พระของท่านคงยิงออกแต่ไม่ถูก หรือถ้าแขวนพระของท่านก็คงไปไหนมาไหนสบาย เพราะเป็นพระเมตตามหานิยม และถ้าเป็นพระสิวลีออกพระเครื่องเหมือนกันแขวนของท่านก็คงจะมีคนเห็นหน้า แล้วอยากให้เงินใช้

ทุกคนเก่งไปคนละทางว่างั้นเถอะ

คนเก่งทางวาดรูปจะไปแก้เครื่องยนต์ได้ดีเท่าช่างยนต์หรือ

ที่ถูกคือถ้าใครมีจริตชอบทางไหนแบบไหน ก็เลือกเอาแบบนั้นดีกว่า

ผมจึงเกลียดคนที่ชอบทับถมครูบาอาจารย์ของคนอื่นว่าสู้ครูบาอาจารย์ของตนไม่ได้

หนักเข้าจะต่อยปากกันง่าย ๆ

เหมือนเด็กชกกัน เพราะต่างอวดว่าพ่อของตนเก่งกว่าพ่อของอีกคน

เหมือนคำหลวงปู่องค์หนึ่งซึ่งผมลืมไปแล้วว่าเป็นใคร ท่านได้กล่าวว่า
“ไม่นับถือแล้วมาดูถูกกันทำไม”

บางทีการลองพระก็อาจเข้าข่ายทั้งประมาทและดูถูกก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตเจตนาของผู้ลองโดยเฉพาะ

ครั้งหนึ่ง เมื่อพรรษาปีที่แล้ว ผมสร้างพระปิดตาปรกงู คือทำให้เป็นรูปพระปิดตาแล้วมีนาคปรก แต่ไม่กล้าทำเป็นนาค 7 เศียร เพราะจะไปล้อเลียนพระพุทธเจ้าเช่นกัน จึงทำเป็นงูใหญ่ธรรมดา

เป็นพระปิดตาที่ผมชอบมากอีกรุ่นหนึ่ง

ทำขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้จำหน่าย แต่แจกฟรีแก่ผู้รักใครนับถือทั่วไป

i777.photobucket.com_albums_yy58_blur-xc_IMG_1492

(พระปิดตาปรกงู หน้า/หลัง/ใต้ฐาน)

 

 

 

 

 

 

 

พระปิดตาปรกงู สร้างพร้อมกับรูปหล่อเนื้อโลหะของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ซึ่งเป็นรูปหล่อรุ่นแรกของท่านเท่าที่ได้มีการสร้างขึ้นในรูปของเนื้อโลหะ และเป็นทางการที่สุด

พระปิดตาปรกงู มีจำนวนสร้างน้อยมาก คือประมาณ 56 องค์ หลวงปู่ชอบเป็นพิเศษได้แบ่งออกถวายท่านหลายองค์ และท่านก็แจกให้กับพระเณรในสำนัก และผู้เดินทางมากราบท่านจนหมด

ระหว่างนั้น มีพระรูปหนึ่งธุดงค์มาจากที่อื่นมาขอจำพรรษากับท่าน และได้รับพระปิดตาปรกงูไป 1 องค์ พระรูปนั้นได้นำพระปิดตาปรกงูไปให้คนของท่านคนหนึ่งทำการลองยิงอยู่ในเขต สำนักของหลวงปู่ โดยใช้ปืนอาร์ก้า

ยิง 5 นัด ไม่ออกสักนัด

หลวงปู่ทราบเรื่องนี้ ท่านได้ไล่พระรูปนั้นออกไปจากวัดอย่างชนิดไม่ให้โอกาสแก้ตัว ท่านว่า
“อยู่กับเราแท้ ๆ ยังทำประมาทแก่เรา”

เป็นคำสั่งย้ายด่วนใน 24 ชั่วโมง ว่างั้นเถอะ

พรรษาของพระรูปนั้นสะบั้นขาดไปเพราะความประมาทของตัวท่านเอง

ข้อนี้ทำให้แน่ใจได้ว่าหลวงปู่พรหมาเองท่านก็ไม่ชอบให้ใครลองยิงพระของท่าน แต่ท่านก็มักทราบข่าวเสมอว่ามีผู้เอาพระท่านไปลองยิงบ่อย ๆ

ในคราวหนึ่ง หลังจากปลุกเสกพระฤาษีรุ่น 3 ที่เรียกกันติดปากว่าฤาษีกลาง คือมีขนาดเล็กกว่าฤาษีใหญ่ รุ่นแรก แต่โตกว่าฤาษีเล็กรุ่น 2

ท่านบอกผมว่า พระฤาษีที่เป็นอาจารย์ของท่านมาช่วยเสก พาเพื่อนฤาษีมาอีก 2 องค์ มีพระหรือเณรก็ไม่ทราบ ผมเลือน ๆ ไปได้เห็นภาพแปลกประหลาด คือเห็นเงาดำ ๆ 3 เงา นั่งเรียงกันอยู่ข้างหลังหลวงปู่ ขณะที่ท่านกำลังปลุกเสกฤาษีรุ่น 3 หรือฤาษีรุ่นกลางในคืนแรก ๆ ทั้ง 3 เงามีทรวงทรงเป็นอย่างพระฤาษี มีขมวดผ้าและครองผ้าอย่างฤาษีที่เราจินตนาการว่าพวกท่านมีลักษณะอย่างไรนั่น แหละครับ

ท่านบอกกับผมภายหลังจากที่มอบพระฤาษีรุ่น 3 ให้แก่ผมว่า

“คนชอบเอาพระของพ่อไปลอง พ่อจึงอยากจะให้ปืนแตก ถ้าลองฤาษีรุ่นนี้”

(ฤาษีรุ่น 3 หรือ ฤาษีกลาง หน้า/หลัง)


ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครลองหรือยัง และปืนแตกจริงหรือไม่จริง

แต่ผมก็ยังไม่เชื่อหรอกครับ ว่าปืนจะแตกจริง จนกว่าจะได้ยินข่าวปืนแตกเสียก่อน
เรื่องปืนแตกนี้ คุณพิชิตพล แตงหวาน เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นไปปฏิบัติการทางทหารที่นครศรีธรรมราช ขณะนั่งพักอยู่ในโรงเรียน มีพวกตัดไม้ทำลายป่าที่เสียผลประโยชน์ ได้เข้ามาล้อมยิงคุณพิชิตพล ขณะดายหญ้าอยู่ในบริเวณที่พักในโรงเรียนแห่งหนึ่ง พวกนั้นมา 5 คน ปืน 5 กระบอก

4 กระบอกยิงไม่ออก

มีกระบอกเดียวที่ระเบิดตูม

พิชิตพลบอกว่า
“ผมเห็นปืนที่ลั่นกระสุนออกมานั้นเป็นปืนลูกซอง 5 นัด และเห็นปากกระบอกปืนฉีกเป็นเส้น”

ตอนนั้นเขาแขวนพระปิดตาไม้ไผ่ตันของหลวงปู่องค์เดียว

(พระปิดตาไม้ไผ่ตัน หน้า/ใต้ฐาน)

 

เรื่องของพิชิตพล กับประสบการณ์ของเขามีมากมายและดุดันที่สุด เขาเป็นแล็ปทดลองของขลังของหลวงปู่มาโดยตลอด เวลาหลวงปู่ทำอะไรใหม่ ๆ แปลก ๆ ขึ้นมาก็จะให้พิชิตพลก่อนเสมอ และบอกว่าเอาไปลองใช้ดู พิชิตพล จึงมีพระแปลก ๆ แขวนอยู่กับตัวไม่ซ้ำกัน แต่ทุกองค์เป็นของหลวงปู่ทั้งหมด

พิชิตพลคนนี้คือคนเดียวกับที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ช่องบกที่ผมได้เล่าไปในตอนที่แล้ว

เขารักหลวงปู่เหมือนพ่อและหลวงปู่เมตตาเขาเหมือนลูก

ท่านเคยบอกกับมารดาของพิชิตพลให้แต่งขัน 5 มายกพิชิตพลให้เป็นลูกของท่านเสียเถิด

วันหนึ่งข้างหน้าผู้อ่านที่มีโอกาสไปกราบหลวงปู่ก็อาจเดินสวนกับพิชิตพลบนวัดก็ได้

คน ๆ นี้มีสิ่งพิเศษสุดอยู่ในตัวหลากหลาย ซึ่งหลวงปู่ทำให้ทั้งนั้น

เขาเคยถูกงูเขียวหางไหม้กัด

งูตัวนั้นแข็งตายลงต่อหน้าของเขา รอยเขี้ยวงูก็ฝังรอยไว้บนเนื้อของเขา แต่พิษของงูเขียวหางไหม้ตัวนั้นไม่มีผลอะไรกับเขา

เรื่องของพิชิตพลคงจะได้ถูกขยายความมากกว่านี้ เมื่อคุณพันฤทธิ์ลงมือกับอัตตประวัติหลวงปู่พรหมา

ขอให้ผมได้หวนกลับมาพูดถึงจดหมายของ รอ.เสริมสุข นรินทรสรศักดิ์ อีกครั้งหนึ่ง

ท่านได้กล่าวว่า
“ผมเป็นคนชอบพระ ที่สร้างด้วยเงินที่สุด ทองคำก็ไม่รัก”

ท่านก็เหมือนผม ผมก็เหมือนท่าน แต่ว่าผมมีรักเนื้อตะกั่วอีกด้วย รักอย่างไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าทำไมจึงรักอย่างนั้น

วันหนึ่งผมไปกราบหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ สิ่งที่ท่านได้กรุณาชี้แจงให้แก่ผมและทุกคนที่อยู่ร่วมด้วยเป็นการ CONFIRM ความรักของท่านและของผมว่ารักถูกทาง

หลวงปู่กล่าวว่า
“เงินกับตะกั่ว เก็บขลังได้ดีที่สุด ทองคำก็ไม่สู้”

คุณปัญญา โกวิทธวงศ์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางเคมีคนหนึ่ง ถึงกับบอกว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ หลวงปู่ท่านรู้ได้อย่างไร
“ดูไปที่สื่อนำกระแสไฟฟ้า เงินและตะกั่วคือตัวนำกระแสไฟฟ้าที่ดีที่สุด ไม่น่าเชื่อว่า เงินกับตะกั่วจะมาพัวพันคล้องจองกับพลังจิตอย่างที่ได้ยินนี้”

ท่านคิดอย่างไร ผมคิดอย่างไร เห็นจะไม่ต้องแสดงความคิดนั้นออกมาอีกแล้ว

ถึงอย่างไรก็ไม่ได้หมายถึงว่าทองคำไม่ดี ทองแดง ทองเหลือง หรือโลหะอื่นไม่ดี หากแต่หมายถึงว่า เงินกับตะกั่วดีกว่าเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผมได้มอบปรกใบมะขามเนื้อเงิน ที่ รอ.เสริมสุข รักให้ท่านไปแล้ว 1 องค์ และผู้ที่ได้รับเนื้อเงินไปทุกท่านคงถูกใจนะครับ

เห็นจะต้องย้ำกับผู้อ่านอีกคำใหญ่ ๆ

พระเครื่องดีที่ผมไม่ต้องสืบหาให้ยากก็มีอยู่กับหนังสือศักดิ์สิทธิ์นี่แหละครับ

พระที่แจกคู่กับหนังสือของศักดิ์สิทธิ์บอกได้ว่าดีทุกรุ่น

ดูไปที่สมเด็จชินบัญชรก็จะทราบชัด

ผู้อ่านที่เป็นชาวบุรีรัมย์ จดหมายมาเล่าว่าได้ลองยิงสมเด็จชินบัญชรกับมือตนเองโดยเอาพระแขวนกับเป้ากระดาษแล้วกระหน่ำปืนใส่

ไม่ถูกพระเลยแม้แต่นัดเดียว

ต่อไปในวันข้างหน้าศักดิ์สิทธิ์ก็จะแจกพระของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร อีกด้วย เวลานี้ท่านได้อนุญาตเป็นการเรียบร้อยแล้ว รอแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

(เหรียญ 2 สังฆราชที่แจกไปนานแล้วนั้น หลวงปู่พรหมาได้ลงเหล็กจารในแผ่นดินชนวนมาร่วมหลอมด้วย 1 องค์)

—————————————————————————-
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 263 วันที่ 16 ธันวาคม 2536
—————————————————————————-
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน