หลวงพ่อพิบูลย์ – ตอนที่ 4 –

 พ่อผมยาวก็ไม่สู้เหมือนเดิม

เรื่องคนรังแกพ่อผมยาวนี้ร้อนไปถึงหลวงพ่อพิบูลย์ ท่านได้บัญชาให้นายจันดีไปเอาตัวพ่อผมยาวมาอยู่วัดพระแท่น และยกกุฏิให้อยู่ต่างหากหลังหนึ่ง

พ่อผมยาวจึงพ้นเคราะห์

ต่อมาหลวงพ่อพิบูลย์ถูกคณะสงฆ์ และทางราชการจับตัวไป ลูกศิษย์ทุกคนก็แตกฉานส่านกระเซ็นไปคนละทิศละทาง แต่ว่ามีพ่อผมยาวผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่หนีไปไหน ยังคงพำนักอยู่วัดพระแท่นตามลำพัง

ในการถูกจับกุมครั้งแรกนี้ ญาคูสายบัวได้ถูกจับกุมด้วย โดยถูกทำโทษคุมตัวอยู่วัดกู่บ้านจีต ส่วนหลวงพ่อพิบูลย์อยู่เกาะสีชัง 3 ปี

ครั้นเหตุการณ์ร้ายคลี่คลายลง หลวงพ่อพิบูลย์กลับมาอยู่วัดพระแท่น ลูกศิษย์ลูกหาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งญาคูสายบัวซึ่งพ้นโทษแล้วก็กลับมาด้วย แต่ไม่ได้เป็นพระภิกษุเหมือนเดิม กลายเป็นฆราวาสที่ยังไม่ทิ้งสายรัดปะคดเอว คือใช้รัดปะคดแทนเข็มขัดนั่นเอง

ในที่สุดการจับกุมตัวหลวงพ่อพิบูลย์ครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น ลูกศิษย์ลูกหาแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอีกครั้งหนึ่ง คงมีแต่พ่อผมยาวผู้เดียวที่อยู่วัดพระแท่นเหมือนเก่า

การจับกุมตัวครั้งที่ 2 ยาวนานกว่าครั้งแรกคือ 15 ปี ระหว่างนี้พ่อผมยาวจะเริ่มพูดเริ่มจาบ้างแล้วครับ

ถึงบทพ่อผมยาวพูด คนที่ได้ยินก็แตกหนีหมด เพราะเหตุว่าทุกคำพูดที่เริ่มออกจากปากพ่อผมยาว ล้วนเป็นคำด่าทั้งสิ้น

“ห่ากินผี ผีกินห่า”

นี่เป็นคำพูดประจำปากพ่อผมยาว

ใครเข้ามาใกล้ เป็นอันว่าได้รับแจกคำด่าแบบไม่จำกัดจำนวน

วัดพระแท่นตอนนั้นเหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด แต่ก็ยังมีพ่อผมยาวอยู่โยงเฝ้าวัด ในที่สุดก็แทบจะกลายเป็นวัดร้าง เพราะว่ามีแต่เสียงด่าของพ่อผมยาว คนก็เผ่นหนีกันหมด

ร้อนถึงสามเณรอ่อนสี ซึ่งหนีภัยไปอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่งในเขตบ้านคำเก่า ต.ไชยวาน ได้ย้อนกลับมาเอาตัวพ่อผมยาวไปอยู่ด้วย ปรากฏว่าเดี๋ยวเดียวก็ทนเสียงด่าของพ่อผมยาวไม่ไหว จึงพามาอยู่ศาลาที่พักคนเดินทางที่บ้านคำหล่ม ซึ่งเป็นศาลาโดดเดี่ยวระหว่างบ้านท่ากบิน อ.สว่างแดนดิน กับบ้านปะยาว อ.กุมภวาปี ปัจจุบันคืออำเภอวังสามหมอ ศาลานี้เป็นศาลาที่อาจารย์คุ้มสร้างไว้เป็นที่พักคนเดินทาง

ต้องเข้าใจนะครับว่าสมัยนั้นเป็นป่าดงดิบ เส้นทางที่มีนั้นไม่ใช่ซุปเปอร์ไฮเวย์อย่างทุกวันนี้

อยู่ศาลาบ้านคำหล่มอีกเดี๋ยวเดียว สามเณรอ่อนสีก็เผ่นออกมา ปล่อยพ่อผมยาวอยู่คนเดียวที่ศาลานั้นเป็นเวลา 3 ปี

ต่อมาสามเณรอ่อนสีก็สึกออกมาเป็นฆราวาส ภายหลังได้เป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านคำ ก็เลยไปรับพ่อผมยาวมาอยู่วัดเก่า(วัดร้างเดิม)บ.คำเก่า เป็นครั้งที่ 2 อยู่ได้เพียง 1 ปีก็ส่งไปอยู่บ้านดอนหัน ตำบลบงเหนือ อำเภอสว่างแดนดินอยู่ได้แค่ปีเดียว ชาวบ้านที่นั่นก็เฉดหัวพ่อผมยาวกลับมาอยู่วัดเก่าอีกเป็นคำรบ 3 คราวนี้ก็เลยได้อยู่ประจำไม่ไปไหน ชะรอยชาวบ้านคำเก่า จะเริ่มชินกับพฤติกรรมพ่อผมยาว และคงเห็นว่าคนบ้าคนนี้ไม่มีอันตรายอะไรแค่ด่าเก่งไฟแล่บเท่านั้น

พ่อผมยาวอยู่ที่นี่นานเน จนกระทั่งคนแถวนั้นเริ่มรู้จักเล่นหวยเล่นเบอร์

พ่อผมยาวจึงเริ่มแผลงฤทธิ์

ให้เลขเด็ดชาวบ้านจนเจ้ามือระเนระนาดกันไป

กิตติศัพท์เลื่องลือจนบังเกิดลาภสักการะ มีผู้คนนำข้าวปลาอาหาร ของใช้ไม้สอยมาถวายแทบทุกวันมิได้ขาด

พลิกสถานภาพคนบ้าผู้อดอยากปากแห้ง มาเป็นคนบ้าที่อยู่ดีกินดี แถมมีสมบัติมั่งคั่งอย่างที่ใครก็ไม่อยากจะเชื่อ

ต่อจากนั้นก็เริ่มมีอภินิหารแปลกๆปรากฏขึ้น จนในที่สุดคนเริ่มไม่เห็นว่าพ่อผมยาวเป็นคนบ้าอีกต่อไป

ผู้เล่าเรื่องอภินิหารพ่อผมยาวคือ นายอ่อนสี ผันผ่อน อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านคำ หรืออดีตสามเณรอ่อนสีนั่นเอง

คราวหนึ่งพ่อผมยาวสมัยยังพำนักอยู่วัดเก่าบ้านคำเก่า เกิดฝนตกหนัก น้ำหลากแรงจนแทบล้นห้วยสงคราม พ่อผมยาวชวนนายอ่อนสีไปใส่โต่งในลำห้วยห่างที่พักราว 3 เส้น

“โต่ง” เป็นเครื่องมือดักปลาชนิดหนึ่งของชาวอีสาน บางทีก็เรียกว่า “ต่ง” ใช้ปอหรือป่านสานเป็นตาข่ายเหมือนแห ตากว้าง 5 นิ้วลงมาเรียกว่า”โต่ง”แต่ถ้าตากว้าง 5 นิ้วขึ้นไปเรียกว่า “นาม”

ถ้าใครรู้จัก “มอง” ซึ่งก็คือเครื่องมือหาปลาชนิดใกล้เคียงกับโต่งก็จะเข้าใจ แต่มองนั้นไม่ปล่อยลงน้ำลึก ส่วนโต่งปล่อยลงจนถึงพื้นดินก้นน้ำ

วิธีปล่อยก็ใช้เรือลำเดียวก็พอ คน 2 คนนั่งหัวเรือและท้ายเรือหย่อนโต่งลงน้ำแล้วเอาเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไป

เรียกอย่างคุ้นปากคนอีสานก็จะว่า “ล่องโต่ง ล่องนาม”

“ มอง” กับ “โต่ง” คล้ายกัน, มอง ดักปลาเล็ก แต่โต่งดักปลาใหญ่

หลังจากปล่อยโต่งแล้ว พอถึงตอนจะกู้โต่งเอาปลา ปรากฏว่าก้นโต่งติดอะไรไม่ทราบ ดึงอย่างไรไม่ขึ้น พ่อผมยาวจึงกระโดลงไปในน้ำ มุดลงไปปลดโต่ง ผมที่ยาวของท่านเกิดไปพันกับโต่ง ทั้งยังสวะขุยไผ่ หนักหนาสาหัสขนาดดิ้นไม่หลุดอยู่ใต้น้ำ

นายอ่อนสีจะลงไปช่วยก็ไม่ได้ คะเนความสามารถของตนแล้วว่ามีไม่พอ เพราะว่าน้ำเชี่ยวมาก จึงเอาเรือเข้าฝั่งวิ่งไปตามชาวบ้านมาช่วย ได้นายมาก โภคสมบูรณ์ซึ่งเป็นคนเฝ้าวัดมาเพียงคนเดียว ตกลงก็ทำอะไรไม่ได้ นายอ่อนสีจึงตัดใจลงน้ำมุดไปช่วยพ่อผมยาว โดยให้นายมากคอยสังเกตการณ์อยู่บนฝั่ง

นายอ่อนสีเล่าว่า พอดำน้ำลงไปคลำเจอขาพ่อผมยาว ก็คืบเข้าไปจนพบว่าผมของท่านติดอยู่กับโต่งและสวะขุยไผ่ แต่ไม่สามารถจะปลดได้ จึงกลับขึ้นบนผิวน้ำ ขึ้นฝั่งหามีดได้เล่มหนึ่งแล้วกลับลงไปใหม่ ค่อยตัดสวะขุยไผ่ได้ และปลดเอาตัวพ่อผมยาวออกมา แต่ความที่น้ำแรงกราก จึงซัดเอาทั้งคู่ไหลไปตามลำห้วยอีก 2 – 3 เส้น นายอ่อนสีขึ้นฝั่งตะวันออก พ่อผมยาวขึ้นฝั่งตะวันตก แล้วก็เป็นลมล้มพับอยู่ริมฝั่งนั้น จนนายอ่อนสีและนายมากไปช่วยพยาบาลจึงฟื้นขึ้นมาในสภาพอิดโรยมาก ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่สั่นหัว

เรื่องแปลกก็คือพ่อผมยาวจมอยู่ในน้ำราวๆ 1 ชั่วโมงน่าจะตายไปแล้วกลับไม่ตาย

ที่ปล่อยให้พ่อผมยาวจมน้ำอยู่เป็นชั่วโมงนั้นก็คิดว่าพ่อผมยาวตายไปแล้ว ตั้งแต่ลงน้ำไปปลดโต่งทีแรก และที่ลงไปช่วยก็ไม่ได้หมายว่าจะช่วยให้รอดชีวิต แต่คิดว่าลงไปช่วยกู้เอาศพพ่อผมยาวขึ้นมาเท่านั้น แต่ท่านกลับรอfมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

อีกครั้งหนึ่งพ่อผมยาวชวนนายอ่อนสีไปดักจับเหยี่ยว ได้ทั้งเหยี่ยวแม่ลูกอย่างละตัว ลูกเหยี่ยวได้เลี้ยงไว้จนโต พ่อผมยาวได้เขียนคาถาพันขาเหยี่ยวไว้ แล้วปล่อยให้หากินโดยอิสระ

เหยี่ยวตัวนั้นคนดักยิงด้วยปืน หรือหน้าไม้ไม่ถูกจนเป็นที่เลื่องลือ

จนในที่สุดนายวิชัย ธานันโทดักจับเหยี่ยวได้ทั้งเป็น จึงเห็นว่าที่ขาเหยี่ยวมีแผ่นคาถาพันไว้ นายวิชัยจึงเก็บรักษาแผ่นคาถานั้นไว้กับตัว ได้นำไปทดลองยิงจนเห็นผลหลายครั้ง ภายหลังฮึกเหิมนำเอาแผ่นคาถาไปใช้ในทางมิจฉาชีพ เที่ยวปล้นวัวควายชาวบ้านจนที่สุดถูกตำรวจยิงตาย

ช่วงปลายชีวิตพ่อผมยาว กลับมาพำนักอยู่ที่บ้านแดง จนตลอดอายุขัยไม่ยอมย้ายไปไหนอีก แม้คนบ้านคำจะรวมตัวกันมารับพ่อผมยาวกลับ ก็ยอมแค่ขึ้นรถไปด้วยจนถึงบ้านคำแต่ไม่ยอมลงจากรถ ต้องนำท่านกลับไปส่งบ้านแดงเหมือนเดิม

ตลอดเวลาที่อยู่บ้านแดงมีผู้เลื่อมใสนับถือเดินทางมาทั้งจากบ้านใกล้บ้านไกล มาหาท่านมิได้ขาด ท่านมักจะทำด้ายผูกแขนให้ทุกคน แล้วก็เขียนตะกรุดให้คนละดอก

คนบ้านแดงเล่าว่า ถ้าเห็นพ่อผมยาวเอะอะด่าทอสารพัดทั้งวันทั้งคืน ประดุจว่าโกรธใครถึงขั้นจะฆ่าใครสักคนให้ระวังตัวให้ดี เพราะว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีในหมู่บ้านเสมอ

ร่ำลือกันว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรในหมู่บ้านแดง ท่านรู้หมด

พ่อผมยาวมีชีวิตยืนยาวมาจนปี 2522 ได้ป่วยเป็นโรคเท้าบวมทั้ง 2 ข้าง(สงสัยว่าจะเป็นโรคเท้าช้างหรือโรคไตไม่ทราบ)ไม่ยอมไปหาหมอ ไม่ยอมรับยา โดยบอกว่าถึงเวลาที่จะต้องคายแล้ว ในที่สุดพ่อผมยาวก็ถึงแก่กรรมหลังจากป่วยได้ 1 เดือนมีอายุ 82 ปี

ลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน เก็บศพเอาไว้จนปี 2524 จึงฌาปนกิจศพและพระครูมัญจาภิรักษ์ ได้เก็บกระดูกพ่อผมยาวไว้จนปี 2531 จึงมีนายหล่อ มัสยานนท์พร้อมด้วยเพื่อนฝูงเดินทางมาหา โดยเล่าว่าฝันเห็นพ่อผมยาวจึงเดินทางมาตามความฝัน และพบว่าที่ตนฝันเห็นพ่อผมยาวนั้น กลับเป็นฝันที่มีตัวตนจริง ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักพ่อผมยาวมาก่อน

ครั้นสอบถามเกี่ยวกับพ่อผมยาวว่าท่านเป็นอย่างไรก็เกิดความเลื่อมใส และได้รับเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารเพื่อเป็นที่เก็บกระดูกพ่อผมยาว และสร้างรูปเหมือนพ่อผมยาวไว้ด้วย

กระดูกพ่อผมยาวก็อยู่ในรูปเหมือนเท่าตัวจริงนั่นแหละครับ

ในโอกาสเดียวกันนายหล่อได้สร้างเหรียญรูปพระพุทธคู่บารมีไว้อีกรุ่นหนึ่งด้วย เสียดายที่ผมไม่ทราบว่าเป็นเหรียญรูปลักษณ์อย่างใด

เกี่ยวกับอภินิหารของพ่อผมยาวนั้น พระครูมัญจาภิรักษ์ได้สรุปเอาไว้อย่างน่าฟังดังต่อไปนี้

เห็นจะต้องไว้คราวหน้าแล้วล่ะครับ

——————————————-~@~——————————————-
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน  หนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 561  วันที่ 16 พฤษภาคม 2549
——————————————-~@~——————————————-
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน