ล็อกเก็ตพุทฺธาจาโร

ใครอ่านแล้ว…นึกอยากจะได้….ก็ต้องเหนื่อยหน่อยเพราะมีราคาแพงมาก

ผมรู้จักเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ระยะเวลาสั้น ๆ ที่ได้รู้จักกันนั้นไม่ทำให้ผมรู้จักอะไรมากมายที่เกี่ยวกับตัวเขา ชื่อจริงก็ไม่ทราบ คงทราบแต่ว่าถ้าหากจะออกชื่อของเขาแล้วก็คือ “เนาว์” เป็นอันรู้จักทั่วไปในหมู่พวกเรา

เนาว์เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี หมดจรด สะอาดยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยสาขาออกแบบเครื่องประดับประเภทอัญมณี ซึ่งจะเรียกให้ถูกต้องอย่างไรไม่ทราบเหมือนกัน

เนาว์เกิดในตระกูล ของชาวมุสลิม เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นอิสลาม ไม่ใช่พุทธ แต่เนาว์ก็แปลกไปจากอิสลามคนอื่น ๆ ในครอบครัวตรงที่มีความสนใจในพุทธศาสนาอย่างจริงจัง

เขามีกระเป๋าประจำตัวใบหนึ่ง ไปไหนมาไหนจะหอบหิ้วกระเป๋าใบน้อยนี้ติดตามไปด้วยตลอดเวลา ถ้าหากทิ้งกระเป๋าไว้ในบ้าน เขาจะล็อกกุญแจห้องของเขาอย่างแน่นหนา ระมัดระวังไม่ให้ใครได้เปิดกระเป๋าของเขาใบนั้น

เป็นกระเป๋าใส่วัตถุมงคลหรือพระเครื่องทางพุทธศาสนา

ถ้าพ่อแม่พี่น้องชาวอิสลามเปิดเจอเข้าเมื่อไหร่ เนาว์จะเสียคนได้ง่าย ๆ

อิสลามหนุ่มน้อยคนนี้ใกล้ชิดสนิทสนมกับวัดถ้ำผาปลอ่งเป็นพิเศษ ได้รับเมตตาจากหลวงปู่สิม พุทธาจาโร อย่างกับว่าเป็นชาวพุทธแท้ ๆ

เขาเคยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเกิดความสนใจในพุทธศาสนามาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่รู้ว่าทำไมจึงเกิดความสนใจ รู้แต่ว่าสนใจเท่านั้น ต่อมาก็คิดว่าควรจะหาครูบาอาจารย์สักองค์หนึ่งไว้กราบไหว้บูชา และถือเป็นครูบาอาจารย์ประจำจิตประจำใจ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือค้นหาครูบาอาจารย์องค็นั้นจนกระทั่งพบหลวงปู่สิม

ผมถามเนาว์ว่าเพราะอะไร หรือด้วยอะไรจึงเลือกหลวงปู่สิมเป็นครูบาอาจารย์ในเมื่อครูบาอาจารย์คนอื่น ๆ มีอยู่มากมายทั่วประเทศ เขาตอบว่าเขาได้อ่านหนังสือธรรมะที่พาดพิงถึงชีวประวัติครูบาอาจารย์ต่าง ๆ หลายองค์ มีองค์นี้ที่หลวงปู่มั่นการันตีว่าต่อไปถ้าเล่งบานแล้วจะหอมกว่าหมู่

ลงหลวงปู่มั่นออกประกาศนียบัตรให้ขนาดนี้ก็ไม่มีใครจะต้องสงสัย

เนาว์เลยมีอันได้ใกล้ชิดหลวงปู่สิมตลอดมาดังนี้

เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับกล่าวน่าเกลียดว่า ถ้าใครอยากจะกราบหลวงปู่สิมอย่างใกล้ชิด ให้ตีสนิทเนาว์ให้ได้เสียก่อน

อะไรจะขนาดนั้น

แต่คำกล่าวนี้ แสดงความหมายว่า เนาว์คือคนใกล้ชิดหลวงปู่สิมจริง ๆ

ผมพบกับเนาว์ในกลุ่มศรีย่าน ซึ่งมีอาจารย์เบิ้มเป็นประธานก๊วน อาจารย์อนันต์ อาจารย์พจมาน อาจารย์ประโยชน์ พี่เชาวน์ สิงห์บูลย์ฯ เป็นกรรมการบริหารก๊วน คือถ้าผมเข้าก๊วนเมื่อไหร่นอกจากจะได้พบผู้ใหญ่ และผองเพื่อนที่รักนับถือกันอย่างจริงใจแล้ว จะได้พบกับเนาว์เกือบทุกครั้ง ความรู้จักมักจี่ก็มีกันอยู่ที่นี่

วันหนึ่งคุณนัดดา เศรษฐบุตรโป้งกับผมว่า จะเอาล็อกเก็ตหลวงปู่สิมไหม และเล่ารายละเอียดว่าเนาว์เป็นผู้ขออนุญาตสร้างล็อกเก็ตหลวงปู่สิม ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากหลวงปู่แล้ว ขณะนั้นกำลังดำเนินการสร้าง ยังไม่เสร็จดี ถ้าเอาให้รีบจอง เดี๋ยวหมด ผมจึงตกลงจองไป 10 อัน

ผมไม่นึกหรอกครับว่าล็อกเก็ตชุดนี้จะได้มีการสร้างอย่างพิถีพิถันมากมายอะไร เข้าใจว่าคงทำกันอย่างปกติธรรมดา แต่เมื่อถึงเวลาสุดท้ายที่จะทำให้ล็อกเก็ตนั้นมีคุณค่ามากกว่าธรรมดา ผมจึงได้ถึงแก่การทึ่ง

ทึ่งจริง ๆ นะครับ

รายละเอียดของการสร้างล็อกเก็ตนี้จะได้บอกในตอนท้ายของเรื่อง

เมื่อล็อกเก็ตเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการอุดผงวิเศษไว้ด้านหลัง ทุกคนก็มอบผงที่ตนเองเห็นว่าสำคัญสำหรับตนให้กับคณะผู้สร้างล็อกเก็ต เพื่อเอาไปอุดด้านหลังล็อกเก็ต อาจารย์อนันต์มอบโค้ตให้ไปสำหรับตอกกำกับ อาจารย์เบิ้มอนุญาตให้ใช้บ้านของท่านเป็นสถานที่อุดผง และเป็นผู้ลงมือประกอบพิธีอาราธนาครูบาอาจารย์ให้เกิดสิริมงคล

คือทำทุกอย่างเท่าที่จะเห็นว่าเหมาะว่าควรแก่การสร้างวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ ว่างั้นเถิด

ล็อกเก็ตชุดนี้ทำออกมาสองแบบ อย่างแรกทำเป็นรุปหลวงปู่สิมเต็มองค์และอย่างที่สองครึ่งองค์ ส่วนแบบพิเศษเดินทองที่ลายดอกบัวก็มีด้วย แต่ว่าน้อย ด้านหลังอุดผงวิเศษต่าง ๆ และนำเอาเหรียญ 50 สต. ปิดไว้เพื่อความหมายว่าเป็นเมืองเหนือที่หลวงปู่พำนักอยู่ เพราะว่าเหรียญ 50 สต. มีรูปพระธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถานสำคัญของเชียงใหม่ โค้ตก็ตอกลงที่เหรียญ 50 สต. นี้

หลังจากล็อกเก็ตผ่านขั้นตอนสุด ท้าย คือหลวงปู่สิมอธิษฐานจิตเสร็จสิ้น ล็อกเก็ตทวีราคาขึ้นในสนามพระเครื่องอย่างรวดเร็ว มีการเช่าบูชาในขณะนั้นถึงอันละ 500 บาท

ผมเลยจำเป็นต้องบังเกิดความรู้สึกว่าผมจองน้อยไปหน่อยแล้วมั้ง

โลภโมโทสันเล่นงานว่างั้นก็ได้

ปัจจุบันนี้ทราบว่าล็อกเก็ตชุดนี้มีผุ้สนใจแสวงหากันมากเห็นใครแขวนในคอก็เข้าไปลูบ ๆ คลำ ๆ กันอลหม่าน

ต่อมาผมได้ข่าวอีกว่าเนาว์และคุณนัดดาได้คิดสร้างพระบาทสี่รอย โดยจะสร้างเป็นเหรียญหรือพระผงก็เลือน ๆ ไปแล้ว แต่ว่าจะทำขึ้นเพื่อหลวงปู่สิมเหมือนเก่า และได้รับอนุญาตจากหลวงปู่ให้สร้างได้ ทั้งสองวางแผนสร้างกันอย่างพิถีพิถัน ดูเหมือนจะสร้างเป็นพระผง เพราะว่าเนาว์ลงมือแสวงหาผงที่เขาคิดว่าดีและวิเศษสุดยอดเพื่อพระพุทธบาทสี่ ร้อยนี้

ระหว่างที่แสวงหาผงต่าง ๆ อยู่นั้น หลวงปู่สิมได้ถามว่าพระบาทสี่รอยเมื่อไหร่จะทำ เนาว์ก็ยังคงแสวงหาผงต่อไปด้วยศรัทธามั่นคง สำหรับการสร้างพระบาทสี่รอยให้วิเศษสุดยอด อาจารย์เบิ้มได้ทักท้วงตักเตือนว่า รีบทำเสียเถิด อย่ามัวแต่หาผงสุดยอดอยู่เลย ลงหลวงปู่ท่านถามแบบนี้มันยังไง ๆ อยู่นา เนาว์ก็ยังเย็นใจสะสมผงต่อไป

วันที่ 14 สิงหาคม 2535 ฟ้าก็ผ่าลงกลางใจเนาว์

หลวงปู่สิมมรณภาพ

พระบาทสี่รอยเลยไม่ได้สร้าง

เมื่อพระบาทสี่รอยไม่ได้สร้าง ล็อกเก็ตชุดนี้จึงไม่อาจมีผู้ใดมาลบความสำคัญหรือยิ่งใหญ่ลงไปได้

สำคัญยิ่งใหญ่อย่างไรให้พิจารณาจากรายละอียดที่กำลังจะลงให้ดูก็แล้วกัน

ใครอ่านแล้วเห็นว่าสำคัญและยิ่งใหญ่จริง ๆ ดังผผมว่า และนึกอยากจะได้ขึ้นมาก็ต้องเหนื่อยหน่อยครับ เพราะว่าตอนนี้มีราคาแพงมาก

สืบหาพระเครื่องดีคราวนี้สืบของแพง ใครหาไม่ได้ขอให้อโหสิแก่ผมเถิด

ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของล็อกเก็ตพุทธาจาโร

ล็อกเก็ตพุทธาจาโร

จุดประสงค์

1. เพื่อเป็นสังฆานุสสติหนึ่งในกรรมฐาน 40 ตามพระพุทธฏีกา และเพื่อเป็นมหากุศลสืบต่ออายุพระศาสนาไปในภายภาคหน้า
2. เพื่อเป็นเครื่องอนุสรณ์ระลึกถึง คุณธรรม สัมมาปฏิบัติในพระคุณเจ้าหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
3. เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้มีไว้สักการะบูชา

รูปลักษณะ

เป็นล็อกเก็ตรุปไข่ รูปเหมือนหลวงปู่ใน 2 ลักษณะ ด้านหลังอุดผงมวลสารมงคล 108 หนึกด้วยเหรียญกษาปณ์รูปพระบรมธาตุดอยสุเทพ พร้อมตอกโค้ตกำกับทุกองค์

มวลสาร

1. ผงชันเพชรจากพระมหาบุษบกทอง ที่ประทับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)
2. เทียนชัย 3 ต้นสำคัญที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดในพระราชพิธีมหาพุทธา ภิเษกพระพุทธสุริโยทัยสิริกิติ์ฑีฆายุมงคล ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หลวงปู่นั่งประธานปรกชุดที่ 1)
3. พวงมาลัยและเทียนชนวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ในพระราชพิธีสำคัญ
4. ผงจิตรลดา
5. ผงพระสมเด็จวัดระฆัง
6. ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม
7. ผงพระสมเด็จวัดสามปลื้ม
8. ผงกรุพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
9. ผงพระวัดปากน้ำรุ่น 1, 2, 3, 4
10. ผงปฐวีธาตุ, ผงไตรมาส (วัดวิเวกฯ) เจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์
11. ผงจินดามณี, ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
12. ผงพระพุทธคุณ 108 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
13. ผงหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
14. ผงหลวงปู่ขาวอนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
15. ผงหลวงปู่ดูลย์ อตุโส วัดบูรพาราม
16. ผงพระกริ่งปฐวีธาตุ อ.อนันต์ สวัสดิสวนีย์ (อันประกอบด้วย ผงทรายเสก 32 พระคณาจารย์สำคัญ อาทิ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์, เจ้าคุณพรหม วัดกัลยาณมิตร, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา, หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ฯลฯ)
17. ทับทิมเสก โดยพระเถระสำคัญ อาทิ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่, หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ฯลฯ
18. ผงพระหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
19. เส้นเกศา เส้นมัสสุ เล็บ ผง 108 หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
20. ผงอังคารธาตุหลวงปู่ขาว, หลวงปู่ดูลย์ และหลวงปู่บัว

จำนวนการสร้าง
230 องค์

การอธิษฐานจิต
พระคุณเจ้า หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้เมตตาอธิษฐานจิตเป็นกรณีพิเศษ 3 วาระ ดังนี้
วาระที่ 1 วันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เวลา 17.19 น.
วาระที่ 2 วันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เวลา 18.00 น.
วาระที่ 3 วันที่ 17 พฤษภาคม 2535 เวลา 10.52 น.

คุณลักษณะพิเศษ
1. สร้างจำนวนจำกัด เพียง 230 องค์
2. มวลสารหลังล็อกเก็ต มีความเป็นสิริมงคลและมีความสำคัญเป็นอย่างสูง
3. การบรรจุอิทธานุภาพ หลวงปู่ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ถึง 3 ครั้ง ด้วยระยะเวลาอันยาวนานเป็นพิเศษยิ่งกว่าครั้งใด
4. องค์อธิษฐานบริสุทธิ์ หลวงปู่สิม พุทธาจาโรเป็นพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผุ้ถึงพร้อมด้วยอภิญญาญาณสมาบัติและคุณธรรมอันยิ่ง สมบูรณ์พร้อมด้วย ปฏิปทา จริยานุวัตร อันสงบเสงี่ยม สง่างามเป็นปกติ เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา และใจ ด้วยกาการสิ้นเชิงอันเป็นที่ยอมรับและยกย่องสรรเสริญ แห่งบรรดาท่านผู้รู้ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งตลอดมา อาทิ

“เณรสิมนี้ เป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อใดจะหอมกว่าหมู่”
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)

“ภิกษุนวกะผู้นั้น มีจริยาละม้ายแม้นพระพุทธเจ้า จำเราจะให้ฉายา “พุทธาจาโร” จึงจะควร”

“ท่านสิมนี้ เขามีบุญบารมีที่ได้สร้างสมมาแต่ชาติก่อน ๆ มากเหลือเกินจะเป็นแรงกุศลให้เขาสำเร็จไวกว่าคนอื่น ๆ”

“ในบรรดาศิษย์รุ่นน้องเราทั้งหมด ท่านฝั้นและท่านสิม นี้นับว่าเป็นยอด”
(พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม)

“พระองค์นี้ มีลักษณะดี มีบุญบารมี”
(สมเด็จพระมาหวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน)

“เมื่อสิ้นอาตมาแล้วให้ตามหลวงปู่สิม ให้ดี ๆ”
(หลวงปุ่แหวน สุจิณโณ)

“หลวงปู่สิมนี้ มีพลังจิตแก่กล้ามาก”
(หลวงพ่อเกษม เขมโก)
ฯลฯ

…………………………………….

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 233

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน