อาจารย์ปู่ คำผุก อุนาภาค_06

ปู่จิ๊เป็นบิดาของคุณพ่อประสพ โสมอินทร์ เป็นเพื่อนรุ่นน้องของจารย์ปู่คำผุก


ได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ดอนย่านาง(ปัจจุบันขึ้นกับอำเภอพรเจริญ หนองคาย)จากเดิมเคยอยู่บ้านคึมบ้านท่าสว่างบ้านเดียวกับจารย์ปู่คำผุก
หลังจากลงหลักปักเรือนเป็นที่เรียบร้อยดีแล้วไม่นาน จารย์ปู่คำผุกตามเยี่ยม และพำนักอยู่ด้วยหลายวัน

ระหว่างนี้ได้แสดงอภินิหาร2เรื่องให้ปู่จิ๊และเพื่อนบ้านดู

เรื่องแรก

จารย์ปู่คำผุกเมื่อมาถึงเรือนได้กล่าวชมว่า
“เสือๆ บ้านเจ้าปลูกได้งามมั่นคงแข็งแรงดีน้อ” (จารย์ปู่คำผุกเรียกปู่จิ๊ว่าเสือ ด้วยเหตุที่ปู่จิ๊เป็นพรานล่าเสือ)
ว่าแล้วก็เอื้อมมือชูขึ้นไปจับขื่อหลังคา ทำท่าขยับๆให้เห็นว่าขื่อบ้านแข็งแรงดี

ตกกลางคืนจารย์ปู่คำผุกลุกออกจากห้องลงเรือนไปฉี่ พอขากลับเข้าประตูห้องไปไม่ได้ ร้องเรียกปู่จิ๊ให้ตื่นขึ้นมาช่วย

ปู่จิ๊ต้องลุกขึ้นมา ประคองจารย์คำผุกเบี่ยงตัวเบียดลอดประตูเข้าห้องจนสำเร็จ

วันรุ่งขึ้นจารย์ปู่คำผุกกลับออกจากห้องได้เป็นปกติ เหมือนคนธรรมดา

เรื่องนี้ปู่จิ๊ไม่ได้เฉลียวใจผิดสังเกตุ ชรอยจะเหมือนมีอะไรสักอย่างสะกดไว้ให้นึกไม่ถึง
จนกระทั่งปู่คำผุกกลับบ้านคึมบ้านท่าสว่างแล้ว2-3วันจึงคิดออก

จารย์ปู่คำผุกเอื้อมมือไปจับขื่อหลังคาได้อย่างไร ต่อให้เขย่งขาเต็มที่ก็ไม่มีทางเอื้อมถึง

ประตูเรือนก็กว้างสูงตามมาตรฐาน ทำไมถึงกับต้องทั้งดันทั้งเบียดตัวเข้ามาในห้องอย่างยากลำบาก
รุ่งเช้ากลับเดินผ่านประตูสะดวกสบายไม่มีปัญหา

เรื่องที่2

ปู่จิ๊เคยถามจารย์ปู่คำผุกว่า เรื่องสะกดรถยนต์ไม่ให้วิ่งนั้นจารย์ปู่คำผุกทำได้จริงหรือ
“เจ้าไม่เชื่อข้อย” จารย์ปู่คำผุกว่า
“เชื่อ..แต่ก็อยากเห็นกับตา”

ปู่จิ๊ลืมเรื่องนี้ไปแล้วหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี
จนกระทั่งจารย์ปู่คำผุกมาเยี่ยมที่ดอนย่านางนี่แหละจึงเห็นกับตา

วันหนึ่งจารย์ปู่คำผุกบอกปู่จิ๊ให้ช่วยพาไปขี้
สมัยนั้นเวลาจะขี้ก็ออกทุ่ง
ไม่มีส้วมให้ขี้มิดชิดสบายเหมือนทุกวันนี้
“จะขี้ก็ไปเองสิ ทำไมจะต้องให้ข้อยไปด้วย ” ปู่จิ๊เอ็ดเอา
“บ่ๆๆ ต้องไปด้วยกัน” จารย์ปู่คำผุกก็ตื๊อ จะให้ปู่จิ๊ไปจนได้

หลังจากขี้เสร็จ เดินมาที่ถนนกลางหมู่บ้าน จารย์ปู่คำผุกทำแปลกๆ
คือยืนนิ่งๆ
เอาหัวแม่ตีนข้างขวาทับหัวแม่ตีนข้างซ้าย
เอาหัวแม่มือขวาทับหัวแม่มือซ้าย
ยืนสงบเฉยอยู่อึดใจหนึ่ง
เอาหัวแม่ตีนขีดเขียนเส้นตรงลงบนพื้นถนนที่เป็นดินนั้น
ขีดเป็นเส้นขวางถนน จากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง
แล้วก็เดินกลับบ้าน

รถยนต์ประจำหมู่บ้านเวลานั้นมีอยู่คันเดียว แล่นรับคนโดยสารจากดอนย่านางไปในตัวอำเภอ
หลังจากนั้นปู่จิ๊ได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์แล้วก็ดับ
ดับๆติดๆ
เวลาติดก็เร่งเครื่องเสียงดังอื้ออึงอยู่กับที่จนดับไปอีก

จารย์ปู่คำผุกร้องบอกปู่จิ๊ว่า
“เสือๆ ไปดูรถหน่อยซิ มันเป็นอะไร”
“ไม่ต้องไปดูหรอก รถมันก็แค่ยังแล่นไปบ่ได้ เดี๋ยวมันก็ไปได้เองแหละ”
“เออน่ะ..ไปดูหน่อย รถมันเป็นอะไร”

ปู่จิ๊ออกไปดูที่ถนน เห็นรถคันนั้นจอดอยู่บนถนน แม้ติดเครื่องรถเร่งเครื่องปานใด รถก็ไม่เขยื้อน เร่งจนเครื่องดับไปอีก

กลับมาบอกจารย์ปู่คำผุก
“ไม่รู้รถมันเป็นอะไร มันติดได้แต่แล่นไม่ไป”

จารย์ปู่คำผุกจึงบอก
“เอ๊า..ไปบอกมัน ให้มันไปเลยซี่ ”

สิ้นคำรถคันนั้นก็แล่นออกจากตรงนั้นได้

“นั่นเห็นบ่..มันก็ไปของมันเองจนได้เองแหละน่า” ปู่จิ๊ว่า

เรื่องนี้เหมือนกันกับเรื่องแรก
คือปู่จิ๊ยังคงนึกไม่ถึง
มานึกออกก็เมื่อจารย์ปู่คำผุกกลับบ้านแล้ว2-3วัน

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน