เมื่อผมมีเมียเป็นผี(บังบด) ตอน1

อย่างที่ได้บอกไปแล้ว อย่าหวังจะให้จำเกี่ยวกับวันเวลา,ชื่อสถานที่,ชื่อบุคคลหรืออะไรอื่นที่อาจลืมสนิท

เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้จึงระบุกาลที่เกิดชัดเจนไม่ได้

หลังจากเหตุการณ์คืนแรกได้ย้อนกลับไปนอนที่กุฎิ5อีกหลายครั้ง นอนเป็นปกติดี ไม่มีอะไรแปลกประหลาด

กระทั่งคราวหนึ่งผมมีอันได้เจอจังๆเข้าด้วยตนเอง

จำไม่ได้แล้วครับว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร
จำได้แค่ว่าผู้หญิง2คนนั้นเป็นพี่สาวกับน้องสาว คนพี่ผมสั้น,ดุ,ขรึมและไม่พูด ส่วนคนน้องผมยาวประบ่าใจดีเป็นมิตร

ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่ฟังในวันรุ่งขึ้น

ท่านบอกว่าผู้หญิงแห่งรัตติกาล2คนนี้เป็นบังบดสองพี่น้อง บอกด้วยว่าทั้งสองชื่ออะไร เคยจดบันทึกใส่สมุดไว้แต่ไม่ทราบว่าบันทึกนั้นหายไปไหน

“มันชอบลูก เพราะว่าลูกเป็นคนมีศีล”

หลวงปู่ว่า น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา

“คืนนี้ก่อนเข้่านอน ลูกจุดยาสูบให้มันคนละมวน วางไว้ที่ไหนก็ได้ เรียกชื่อทั้งสองคน มันจะมาให้โชคให้ลาภลูกนะ”

ในใจขณะฟังหลวงปู่พูด ไม่ทันนึกเชื่อหรอกครับ ด้วยว่าเป็นคนเชื่ออะไรยาก
คิดคนเดียวในใจเอาไว้คืนนี้เถอะจะได้รู้กัน

คืนนั้นผมลงไปนอนถ้ำ สภาพของถ้ำในเวลานั้น แค่เทยกพื้นคอนกรีต ยังไม่ทันก่อสร้างให้เป็นสถานที่อยู่ถาวร หลวงปู่ก็ยังไม่ลงไปอยู่ที่นั่น ไม่มีใครอยากลงไปนอนกัน

นอกจากจะกลัวผีแล้วยังกลัวสัตว์ป่าที่อาจเข้ามาเยี่ยมเยียนกลางดึกด้วย

มีแค่ผมที่ชอบลงไปนอนถ้ำตามลำพัง นอนเปลี่ยนบรรยากาศจากกุฏิเป็นนอนตามโตรกผาหน้าธารธรรมชาติบ้าง
หวังเอาความสงัดส่วนตัวเป็นประการสำคัญ

ผมทำตามที่หลวงปู่บอก ไม่ได้โลภอยากได้ลาภจึงทำ แค่อยากรู้ว่ามันจะจริงจะเท็จอย่างไร
จุดยาสูบแล้วเอาไปวางที่ก้อนหินหน้าถ้ำ
นั่งมองดูนิ่งๆไม่คิดอะไร

แปลกนะ

ไฟยาสูบมันแดงวาบเหมือนมีใครสูบอยู่กลางมืด
นึกว่าลมพัด แต่ลมสงบ ถ้ำออกจะอบอ้าวอีกด้วย

คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์ดับ
ความมืดจึงมืดดำกว่าทุกคืน

หลังจากนั้นไหว้พระทำสมาธิไปจนเมื่อย ก็เอนหลังลงนอน ภาวนาต่อจนหลับ

หลับไปนานแค่ไหนไม่ทราบ มาตกใจตื่นด้วยเสียงเหมือนพื้นถ้ำถูกกระทุ้งด้วยอะไรหนักๆจนเสทือนไปทั้งถ้ำ 3 ครั้ง

ตึง ตึง ตึง

ลืมตาขึ้นมาก็เห็นทุกอย่างเป็นปกติดี
มองออกไปที่หน้าถ้ำก็ถึงกับงง

งงจริงๆ

ฟ้าถูกแบ่งเป็นสองส่วน เหมือนมีใครเอาไม้บรรทัดไปขีดเส้นตรงๆ แบ่งฟ้าออกจากกันเป็นสองส่วน
ครึ่งบนเป็นฟ้าปกติ มีดาวเกลื่อน
ครึ่งล่างกลับเป็นฉากสีดำสนิท

คิดว่าเป็นเงาของสันเขา แต่ทำไมขอบของแนวสันเขาจึงตรงอย่างเส้นบรรทัด ไม่คดเป็นคลื่นขึ้นลงอย่างที่เคยเห็นชินตา

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่านั่นคือปรากฏการณ์อะไร

อารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้น มันเกิดขึ้นแบบไม่เคยเกิดมาก่อน
บอกไม่ได้บรรยายไม่ถูก

เหมือนเราทิ้งโลก หรือไม่ก็โลกทิ้งเรา
เดียวดาย ไร้เพื่อน ไร้ญาติ
ไร้สิ้นกระทั่งตัวตนของเราเอง

ใจผมดิ้นรนหาที่ยึดเหนี่ยว เหมือนหมากลัวเสียงฟ้าร้องวิ่งหัวซุกหัวซุนจะให้พ้นเสียงฟ้า แต่หาพ้นไม่
สุดท้ายวิ่งเข้าหาเจ้าของซุกหัวตัวสั่นงันงกอยู่แทบเท้าเอาเป็นที่พึ่ง

โชคดีที่ไม่ใช่หมาจริงๆ จึงรู้จักเอนตัวลงนอนตะแคง เอาองค์ภาวนาเป็นที่พึ่งได้ในที่สุด

เวลาผ่านไปช้านานแค่ไหนไม่ทราบ

เขาปรากฏตัวขึ้น

คนพี่นั่งคอยอยู่ปากถ้ำ คนน้องเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม
แล้วก็เริ่มพูดคนเดียว

ผมทำได้แค่งันไปประหนึ่งผีอำ

สิ่งที่เขาพูดมันแปลกมาก ล้วนเป็นเรื่องในอดีตของผมทั้งสิ้น บางเรื่องผมเชื่อว่าไม่มีใครรู้ เขาก็รู้
เล่าไปถามไปว่าใช่หรือไม่
ผมทำได้แค่ตอบว่าใช่

เหมือนเป็นจำเลยถูกทนายโจทย์ซักไม่มีผิด

เขาพูดเขาคุยจนเป็นที่พอใจแล้วเขาก็จากไป
ทิ้งผมไว้ให้หลับสนิทจนรุ่งเช้า

หลังจากนั้นเขาก็หายเงียบไป
ไม่เคยมาปรากฏตัวให้ผมเห็นหรือสัมผัสอีกเป็นเวลานับปี

การเป็นอยู่บนวัดของผมก็แสนสบายและสงบสุขอย่างน่าประหลาด
สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่คนที่จ้องจะคอยดูหัวผมโกร๋นอย่างผิดหวัง

เรื่องนี้ยังไม่จบครับ

ตอนที่2 คลิก

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน