กุฏิหลังที่ 5

ถ้าไม่ได้เล่าเรื่องต่อไปนี้
จะดูเหมือนทำแกงแล้วขาดเกลือ

ย้อนไปถึงตอนขึ้นวัด[สวนหินผานางคอย]ครั้งที่ ๒ ของผม กับบักอู๊ด โภคัง ..แต่เป็นครั้งแรกของบักอู๊ด

ยังไม่สนิสนมกับมันสักเท่าไหร่

ก็เข้าพักที่กุฏิหลัง ๕ เหมือนเก่า

ขณะนั้นยังจำไม่ได้หรอกครับว่ากุฏิไหนเป็นกุฏิอะไร
ทุกกุฏิดูเหมือนๆกันหมด

พอขนข้าวของเครื่องใช้ขึ้นบนกุฏิเรียบร้อยแล้ว
บักวันคนลาวแท้ๆอยู่แถวนั้นก็เดินมาเกาะขอบพื้นกุฏิเมียงๆมองๆทำยิ้มๆ

“นอนนี่เหรอ”
“เออ…ทำไม?..ถามทำไม?”
“ไม่มีอะไรหรอก..ฝันดี”
“ฝันดียังไง”
“ฝันดี”

บักอู๊ดเริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก

พอบักวันกลับไปแล้ว
ก็ชวนผม

“ย้ายไปนอนกุฏิใกล้ๆพ่อดีกั่วเนาะ”
“ขี้เกียจขนของว่ะ.นอนนี่แหละ”

สักครู่บักอู๊ดก็ขอตัว จะไปกราบสนทนากับหลวงปู่
เหลือผมอยู่ที่กุฏิคนเดียว

กำลังจัดของเครื่องใช้ให้เข้าที่อยู่ในห้อง
พลันรู้สึกว่ากุฏิไหวยวบๆ
ไหวเหมือนอยู่ตึกแถวที่มีรถกสิบล้อบรรทุกหนักแล่นผ่านนั่นแหละครับ

นึกว่าเป็นลมพัด
ด้วยว่าลมบนเขาบางครั้งพัดแรงยังกะพายุขนาดย่อมๆอยู่แล้ว

สักพักได้ยินเหมือนเด็กๆกลุ่มหนึ่งหยอกล้อคุยกัน แล้วก็มีเสียงเหมือนเด็กลากท่อนไม้กับพื้นกรวดนอกกุฏิดังแกรกกรากยาวๆ
สิ้นเสียงลากท่อนไม้ ก็มีเสียงเหมือนเด็กขว้างท่อนไม้ท่อนนั้นใส่ข้างฝากุฏิดังสนั่นปังอย่างต่อเนื่อง

ผมก็ลุกออกมาจากห้อง ออกมาที่ระเบียง จะตะเพิดไอ้เด็กเวรพวกนั้นซะหน่อย

ไม่มีอะไรเลย

ไม่มีเด็กสักคน

ทีนี้ก็นึกถึงบักอู๊ด หรือบักวัน
ก็ยิ้มคนเดียวในใจ..ไอ้พวกนี้แน่
ไม่ใครก็ใครคนใดคนหนึ่ง มันกำลังสร้างสถานการณ์เขย่าขวัญผม

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

คืนนั้นก็เข้านอนเป็นปกติ

หลับไปนานแค่ไหนไม่ทราบ มารู้สึกตัวตื่นเพราะว่ามีมือใครไม่ทราบมาวางทับหน้าอกผม

ผมก็หยืบมือนั้นออกไปให้พ้นตัว

ทีแรกนึกว่าบักอู๊ดมันนอนดิ้นเอามือมากอดผม
แต่บักอู๊ดมันนอนอยู้เบื้องซ้าย
มือที่วางทับหน้าอกผมเป็นมือขวา โผล่มาจากใต้ถุนด้านขวา
ในห้องนั้นแคบมากๆ ผมนอนติดฝาด้านขวา บักอู๊ดนอนติดฝาเบื้องซ้าย
ไม่มีทางเป็นบักอู๊ดแน่ๆ

ในกฏิมืดสนิทนะครับ มืดจนมองไม่เห็นแม้มือตนเอง

ในใจนึกเชื่อขึ้นมาในขณะนั้น ว่าเป็นบักวันแน่ๆ คงแอบอยู่ใต้ถุน ล้วงมือมาหลอกผีกับผม

กลัวที่ไหนล่ะ

ก็นอนต่อ ทำเฉย ไม่รู้สึกรู้สา แก้ลำคนหลอกว่ากูไม่สนผีมึงหลอกดอกหนา

สักพักมันก็ล้วงมือขึ้นมาวางทับหน้าอกผมอีกเป็นครั้งที่สอง

ผมก็ร้องขู่มันเบาๆพอให้ได้ยิน

“เดี๋ยวกูจะลุกขึ้นเยี่ยวรดหัวมึงเน้อ..”

หลังจากนั้นก็เงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกจนรุ่งแจ้ง

พอฟ้าแจ้งจางปางก็เป็นงงครับ
พื้นกุฏิไม่รูมีช่องสักรูเดียว
อย่าว่าแต่จะล้วงมือขึ้นมาเลย
ตะเกียบสักอันก็ไม่มีรูกว้างพอจะให้ตะเกียบแยงขึ้นมาได้

แน่ใจในทันทีนั้นว่า..เมื่อคืนนี้กูเจอผีหลอกเข้าแล้ว

ตอนหลังๆ..เมื่อไปที่นั่นบ่อยๆ จึงรู้เห็นว่า บนหัวนอนกุฏิหลัง ๕ เป็นที่เผาผี
ใครตายก็เอามาเผาอยู่ที่นี่หมด
รอยกองฟอนเผาผีมีอยู่เกลื่อน

เห็นครั้งแรกๆไม่รู้หรอกครับ

นึกว่าเขามาเผาขยะกันที่นี่

Aug 7 2009

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน