กุฏิหลังที่5 วัดสวนหินผานางคอย

ที่ได้ตัดสินใจขึ้นวัดหลวงปู่ครั้งแรกนี้ถือว่าดีมาก
ได้โอกาสพูดคุยเป็นส่วนตัวกับหลวงปู่อย่างใกล้ชิดที่สุด

ทำให้ทราบว่าท่านเป็นศิษย์สำเร็จลุนเหมือนกัน

หลวงปู่เล่าว่าเคยอยู่กับสำเร็จลุนตอนเป็นเณร สำเร็จลุนไม่เคยบอกคาถา แต่อาศัยได้เรียนคาถาลอดป่องจากสำเร็จลุน จึงทำให้มีวิชาดีติดตัว

“คาถาลอดป่องเป็นไงครับพ่อ”

“ครูอาจารย์สำเร็จลุนท่านสอนคาถาคนอื่น พ่อแอบฟังอยู่ใต้ถุน จดเอา จำเอา”

อ้อ..คาถาลอดร่องกระดานนี่เอง

หลวงปู่เล่าให้ผมฟังแค่นี้ ซักถามเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสำเร็จลุนก็เลี่ยงเบี่ยงเบนไปไม่ตอบ ทำให้หมดความสนใจจะคุย

ตั้งใจไว้ว่าคราวหน้าจะเอาเทปอัดเสียงมาด้วย ค่อยคิดหาวิธีคุยเรื่องนี้ต่อไปให้จงได้

ขณะนั้นเจ้าเปิ้ลโผล่หน้ามาสังเกตุการณ์ข้างๆลูกกรงระเบียง
หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร

นั่นคือการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับเจ้าเปิ้ล

เขาไม่ค่อยไว้ใจผม
อาการที่แสดงออกจึงไม่อบอุ่นสักเท่าไหร่
ผมก็แค่พูดจาปราศรัยผูกมิตรไปเท่าที่จะทำได้
ท่าทีเขาค่อยดูดีขึ้นบ้าง

ภายหลังเขาสารภาพกับผมว่า ตอนนั้นคิดไม่ดีกับผมเป็นอย่างยิ่ง คิดถึงกับว่าจะแอบเล่นงานให้กลัว จะได้ไม่กล้ากลับขึ้นมาบนวัดอีก

คืนนั้นเข้าพักกุฏิหลัง5ที่เจ้าเปิ้ลจัดให้ เป็น1ในแผนที่จะทำให้ผมกับเฮียบัติเผ่นกระเจิง
ด้วยว่าหลายคนก่อนหน้านี้เคยเข้าพักแล้วมีอันเผ่นกลางดึกแทบทุกราย

แต่ผมหลับสบายทั้งคืน

เว้นแต่เฮียบัติเท่านั้นที่ออกอาการอิดโรยในตอนเช้า
แต่ยังไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง

ระหว่างเดินทางกลับเข้าเมือง เฮียบัติจึงเล่า

“เมื่อคืนมึงหลับดีหรือเปล่า”
“ดี..มีอะไรล่ะเฮีย”
“แม่งเล่นกูทั้งคืน”
“ผีเรอะ”
“มันมาด้วยกัน2ตัว ผู้หญิงทั้งคู่ กูไม่กลัวหรอก แต่ทำกูหลับไม่ลง”

พูดถึงเฮียบัติแล้ว แกเป็นศิษย์มีครู ซึ่งเป็นครูที่วิเศษสุด คือหลวงปู่สิม
แกมักพูดเสมอว่า

“กูเป็นลูกพ่อสิม ส่วนมึงลูกพ่อชา ไปไหนมาไหนจะกลัวอะไร”

ความจริงมีว่าไม่รู้กี่ครั้งกี่หนที่เรา 2 คนเผชิญกับปรากฏการณ์แปลกๆกลางดึกด้วยกันบ่อยๆจนไม่คิดจะจำ
ถ้าใครเอ่ยปากฟ้องกันตอนเช้าว่าโดนผีหลอกเมื่อคืน อีกคนก็หาได้ตื่นเต้นไม่
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุ้นชินกันมานาน

ดังนั้นเมื่อมีผู้อื่นที่ไม่ใช่ผมกับเฮียบัติเกิดสงสัยหรือไม่เชื่อใจว่าผีมีจริง
ผมมักบอกไปว่าผีไม่มีก็ดีแล้วนี่
ถ้าผีจะมีก็เป็นเอ็งนั่นแหละผีตัวจริง
ไม่ใช่ผีอื่นใดตัวไหนเลย

“อ้าวทำไมพูดงั้นล่ะพี่”
“พูดงี้แหละจะทำไม,ตอนนี้เอ็งเป็นคน ต่อไปต้องเป็นผี ถึงเวลานั้นค่อยหาคำตอบด้วยตัวเองว่าผีมีหรือไม่มี”
“ถ้าผมรู้คำตอบแล้ว จะมาบอกพี่คนแรก สำคัญอย่าหัวโกร๋นก็แล้วกัน”
“มาเลย,รับรองไม่โกร๋น ”
“ไม่กลัวเหรอ”
“เอ็งเป็นคนทั้งตัวยังงี้ ยังไม่กลัวเลย เอ็งเป็นผีเมื่อไหร่มีเหตุผลอะไรจะต้องกลัว”
“ไม่เชื่อ,พี่อย่าโม้”
“งั้นก็รีบๆตายๆไปซะทีซีวะจะได้ลองดูสักตั้ง”

หลวงปู่คำพันธ์เคยบอกเคยสอนเสมอ
ผีก็คือคน คนก็คือผี

หลวงพ่อชาก็เคยพูดปนขำ
“เห็นโครงกระดูกแขวนในตู้อยู่ในศาลาวัดหนองป่าพงนี้ ก็พากันกลัวผี กลัวโครงกระดูก หารู้ไม่ว่าตัวเจ้าของนอนอยู่กับโครงกระดูกทุกคืน”

เมื่อเป็นเช่นนี้, ที่ผมจะถามเฮียบัติก็มีแค่คำถามเดียว

“มันสวยไหมล่ะ ผี2ตัวน่ะ”

ต่อจากนั้นก็เหมือนล่องเรือออกทะเลแห่งความทะลึ่งกันไป

Jul 9 2009

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน