พระพิราพ หลวงปู่ทองสา
พระไภราวะหรือไภรพ หรือไภราพ เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ ซึ่งนับถือว่าเป็น นาฏราช คือผู้ให้กำเนิดนาฏศิลป์แก่มนุษย์
พระไภราวะ เป็นที่นับถือเคารพบูชาและเกรงกลัวยิ่งในอินเดีย แถบลุ่มน้ำคงคา โอริสา มหานที และจันทรภาค โดยเฉพาะที่เมืองพาราณสี เชื่อว่าการบูชาเทวรูปนี้ตามบ้านจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ขจัดเสนียดจัญไรและประทานพรให้ด้วย
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าพระพิราพนั้นแท้จริงแล้วคือปางดุร้ายปางหนึ่งของพระอิศวรเป็นเจ้า ทำนองเดียวกับเจ้าแม่กาลี หรือ ทุรคา ซึ่งเป็นปางดุร้ายของพระอุมา นั่นเอง
ความเชื่อด้านนาฏศิลป์และดนตรีไทยส่วนหนึ่งคงได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียโดยผ่านมาทางชวาและขอม แล้วไทยคงจะรับจากขอมอีกทอดหนึ่ง
ทางฝ่ายนาฏศิลป์ยังถือกันว่า ท่ารำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพเป็นท่ารำสูงสุด ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีระเบียบแบบแผนเคล็ดลางที่ซับซ้อนมากมาย เมื่อมีการรำที่มือขวาของศิลปินผู้แสดงจะถือหอกยาวเป็นอาวุธ ส่วนมือซ้ายถือก้านใบมะยม ซึ่งเชื่อว่าเป็นไม้มงคล มีนามพ้องกับ ไม้ยมทัณฑ์ของพระยม และในพิธีกรรมทางศาสนามักใช้ก้านใบมะยมในการประพรมน้ำมนต์
นายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ศิลปินแห่งชาติ บรมครูผู้ถ่ายทอดการรำหน้าพาทย์องค์พระพิราพ อธิบายว่า
“พระพิราพถือกำก้านใบมะยมเป็นการประพรมน้ำมนต์ให้กับศิษย์ ส่วนมือขวาถือหอก เป็นการขับไล่ภูตผีปีศาจ”
ศิลปินไทยจึงเคารพบูชาองค์พระพิราพอย่างยิ่ง และนิยมตั้งบูชาเศียรพระภรตฤษีและเศียรพระพิราพคู่กัน
การจัดสร้างวัตถุมงคลองค์พระพิราพขึ้นนี้ เพื่อหมายจะไว้แจกเป็นมิตรพลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในแวดวงศิลปะการแสดงและดนตรีทั้งหลายจะได้มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและระลึกถึงว่าตนนั้นมีครูอาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทวิชา
จะได้มีสติปัญญาอันเข้มแข็ง และดำเนินการแสดงไปได้อย่างลุล่วงสำเร็จ หรือผู้ที่อยู่นอกเหนือจากแวดวงจะบูชาตามคติว่าท่านเป็นเทพผู้ขจัดเสนียดจัญไร และประทานพรตามแบบอินเดียก็ไม่น่าจะผิด จึงได้นำเรื่องนี้เรียนปรึกษากับอาจารย์อำพล เจน ที่ผู้เขียนให้ความนับถือ ซึ่งท่านก็รับเป็นธุระจัดการออกแบบและแกะพิมพ์ ตลอดจนจัดหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ประดามี เป็นต้นว่า
ผงเสกหลวงปู่คำพันธ์ ผง ๓๐๐ อาจารย์, ผงเสกหลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช ,ผงพระนาคเกี้ยวหลวงปู่คำพันธ์ ,ผงใบโพธิ์จากประเทศอินเดีย, ชานหมากหลวงปู่หงส์ วัดเพชรบุรี, ทรายเสกหลวงปู่ฤทธิ์ วัดประทานราชดำริ, ทรายเสกหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย , ผงมหาฤษีชอนสารเดช, ผงใบโพธิ์สมเด็จลุน ที่ใช้อุดก้นกัสปฤษีหลวงปู่ทองสา รุ่นแรก, ผงชานหมากหลวงพ่อฤทธิ์ ที่ใช้สร้างรูปเหมือนเนื้อชานหมากทั้งสองรุ่น เป็นอาทิ มาจัดสร้างเป็นพระพิราพเนื้อผง โดยจำลองตามแบบเศียรองค์พระพิราพ คือเป็นยักษ์เศียรโล้น สีม่วงแก่หรือสีน้ำรัก สวมกระบังหน้า ปากแสยะ ตาจระเข้ หน้ากาง คางออก หรือที่เรียกว่าหน้าจาวตาล ส่วนด้านหลังประทับเป็นรูปเศียรพระภรตมุณีมหาฤษี จำนวน ๕,๑๔๐ องค์ และเนื้อพิเศษอีก ๖๙ องค์ รวมทั้งสิ้น ๕,๒๐๙ องค์
พระพิราพทั้งหมดได้นำไปน้อมขออาราธนาหลวงปู่ทองสา ฐิตเปโม แห่งสำนักวัดป่าจิตวิทยาราม อ.ปากคาด จ.หนองคาย ให้ทำการปลุกเสก ณ ที่พักสงฆ์ทิพยเนตรบรรพต (สภาบุญ) จังหวัดอุบลราชธานี คราวที่ท่านลงมาพำนัก เมื่อวันที่ ๗ และ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าท่านเสกให้อย่างเต็มที่ถึงขนาดเสกและจำวัดอยู่หน้ากองวัตถุมงคลนั้นเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่พระพิราพชุดนี้จะตกอยู่กับคนใกล้ชิด ด้วยมิได้มีการประชาสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้น มีการแจกที่เป็นกิจลักษณะก็เมื่อคราวจัดพิธีไหว้ครูจารึก ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) ในปีพ.ศ.๒๕๔๘ และในพิธีไหว้ครู ครอบครู นาฏศิลป์ และไหว้สมเด็จครู สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ณ ท้องพระโรงวังท่าพระ ปีพ.ศ.๒๕๕๐
พระพิราพ : อสูรเทพผู้มีฤทธิ์ขลัง
โดย : วิศปัตย์ ชัยช่วย
———————–