ฤษีคำปุ่น: คนบ้าหรือว่าฤษีจริง

พักหลังนี้เห็นฤษีปรากฏในอินเตอร์เน็ทบ่อยๆ

ฤษีจริงหรือเก๊ก็ไม่ทราบ

พอดีไปซอกแซกค้นเจอโพสต์ของจารย์ George หรือคณะละคอนสุดสะแนน

เขาไปคัดเอาข้อเขียนเก่ามาขยายความถึงภาพๆหนึ่งซึ่งก็คือฤษีคำปุ่น

เห็นว่ายังน่าสนใจ จึงเอามาปันกันอ่านนะครับ

อำพล เจน เคยเขียนถึงท่านว่า

“….อีกคนหนึ่งผมเคยได้พบตัว เมื่อพบแล้วผมก็เห็นว่าเป็นคนบ้าแน่ๆ แต่คนอื่นเขาเห็นว่าท่านเป็นฤษี เลยเรียกชื่อว่า ฤษีคำปุ่น (บางคนเรียกท่านว่าฤษีอินปัน)อยู่ในเขตนครพนม

ฤษีคำปุ่น หรือที่ผมเห็นว่าเป็นคนบ้านี้ แม้หลวงปู่พรหมา เขมจาโรยังนับถือ แต่ผมกลับทำใจไม่ได้ เพราะเชื่อว่าบ้าจริงๆ และพาลนึกประมาทหลวงปู่พรหมาอีกด้วยว่า พ่อพรหมาของกูนี่เห็นจะวิปริตเป็นแน่

ครั้งหลวงปู่พรหมาได้มาพักที่วัดป่าแสนอุดมในตัวเมืองอุบลฯและให้คนไปรับตัวพ่อคำปุ่นมาหาที่วัด จะพาไปผานางคอยด้วยกัน

ระหว่างที่หลวงปู่พรหมากำลังฉันภัตตาหารเช้า คะเนว่าเป็นเวลา 8 โมง พ่อคำปุ่นก็เดินลงจากศาลาแล้วหายตัวไป ไม่มีใครทราบว่าไปไหน

ปรากฏว่าท่านไปโผล่ที่วัดผานางคอยในเวลา 8 โมงเหมือนกัน ลูกศิษย์ที่วัดผานางคอยยืนยันกับผมว่า พ่อคำปุ่นมาถึงวัดในเวลานั้นจริงๆ

ครั้นตกบ่ายแก่ๆหลวงปู่พรหมาจึงเดินทางกลับวัดผานางคอย ก็พบว่าพ่อคำปุ่นอยู่ที่นั่นแล้วอย่างน่าอัศจรรย์

ลูกศิษย์หลวงปู่พรหมาที่ได้เห็นอภินิหารของพ่อคำปุ่นนี้ชื่อว่า “ พ่อนก”

และเรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เกิดขึ้นก่อนสมัยที่หลวงปู่พรหมาจะมีชื่อเสียงโด่งดัง คือราวๆปี 2520 กว่าๆ

พ่อนกเล่าว่า หลวงปู่พรหมามอบหมายให้ตัวแกเป็นผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐากพ่อคำปุ่นระหว่างพำนักอยู่วัดผานางคอย จึงมีความใกล้ชิดพ่อคำปุ่นมากกว่าใคร

get_auc3_img (1)

ครั้งหนึ่งในแสงเทียนกลางมืด พ่อคำปุ่นนั่งสูบยาเส้นชนิดคนสูบต้องมวนเองอยู่เงียบๆ พ่อนกก็นั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ รอว่าพ่อคำปุ่นจะเรียกใช้อะไรหรือเปล่า ทุกครั้งที่มองดูพ่อคำปุ่นก็เห็นแปลก คือมองครั้งหนึ่งเห็นเป็นคนแก่หง่อมหลังโกง มองอีกครั้งเห็นเป็นคนหนุ่ม 20 กว่าปี ทั้งๆที่พ่อคำปุ่นในตอนนั้นน่าจะมีอายุประมาณ 80 ปี และยังหลังตรงแข็งแรงมากเกินวัย

คราวหนึ่งพ่อคำปุ่นบอกว่าอยากกินเหล้า ให้พ่อนกไปหาเหล้ามา พ่อนกได้เหล้าเถื่อนมา 1 ไห ก็เอามารินใส่จอกถวาย พ่อคำปุ่นก็กินเอาๆ คือรินให้ก็ซดรวดเดียวหมดไปหลายจอก

สักพักก็ถามพ่อนกว่าจะกินมั่งไหม พ่อนกก็บอกว่าเอาครับ เพราะว่าน้ำลายเหนียวมาตั้งแต่เห็นพ่อคำปุ่นยกซดจอกแรกแล้ว

จอกที่พ่อคำปุ่นส่งให้พ่อนกกินนั้น ท่านเอานิ้วชี้จุ่มลงไปในจอกเหล้าก่อนส่งให้ พอพ่อนกยกจอกนั้นกรอกปากก็ตกใจ เพราะว่ามันเป็นน้ำเปล่า

พ่อคำปุ่นหัวเราะชอบใจ

แต่พ่อนกไม่เห็นขำ คิดแต่ว่าได้เจออาจารย์ผู้วิเศษเข้าแล้ว

เหล้าแท้ๆยังทำให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้

แต่ผมเห็นว่าเสกเหล้าให้เป็นน้ำนั้นไม่เข้าท่าหรอกครับ

ยังไงๆไม่มีทางรวย

เสกน้ำให้กลายเป็นเหล้าสิครับรวยแน่

สักครู่หนึ่งพ่อคำปุ่นบอกว่าอยากดื่มน้ำ พ่อนกก็ไปตักน้ำในตุ่มมาถวาย ท่านเอานิ้วชี้จุ่มลงไปในจอกน้ำแล้วไม่ดื่ม แต่ส่งให้พ่อนกแล้วพยักหน้าทำนองว่า “ เอ้า ดื่มซะสิ ” พ่อนกก็เลยดื่ม ปรากฏว่าคราวนี้ตกใจกว่าเก่าเพราะว่า น้ำเปล่ากลายเป็นเหล้าได้ยังไง

พ่อคำปุ่นหัวเราะชอบใจอีกที แล้วขว้างไหเหล้าลงพื้นจนแตกและไล่พ่อนกกลับไปนอน

ถ้าผมเป็นพ่อนก..มีหวังตั้งโรงเตี๊ยมขายเหล้าไปแล้ว

ถึงคราวที่ผมได้เจอพ่อคำปุ่นด้วยตัวเองก็พ่อนกนี่แหละครับเป็นคนพาไป

ท่านอาศัยอยู่นครพนมในหมู่บ้านที่ผมจำชื่อไม่ได้ หมู่บ้านนี้หาไม่ยาก ผมยังจำได้ สามารถไปได้อีก เสียแต่ลืมชื่อไปเท่านั้น

ผมเห็นท่านทีแรกก็เห็นว่าท่านคือคนบ้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทั้งพ่อนกและคนอื่นที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันอีก 7 – 8 คน จะบ้ากว่าหรือเปล่า

ไม่อยากเข้าใกล้เลยครับ สารรูปอย่างนั้น เสื้อผ้าอย่างนั้น แต่ขัดพ่อนกไม่ได้ ต้องเข้าไปกราบใกล้ๆตักท่าน

แปลกครับคิดว่าจะได้กลิ่นเหม็นหึ่ง กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย

ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะจมูกดีกว่าผม คือพาลได้กลิ่นหอมประหลาดไป

เป็นกลิ่นที่ไม่เคยหอมอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยซ้ำ

สำหรับผมไม่ต้องหอมก็ได้ แค่ไม่เหม็นผมก็เห็นประหลาดแล้ว

ยายอะไรไม่ทราบ (ลืมชื่อ) เจ้าของบ้าน และเป็นผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐากพ่อคำปุ่นบอกว่า ท่านไม่เคยอาบน้ำเลย เสื้อผ้าก็นานๆเปลี่ยนที ยิ่งทำให้แปลกใจกว่าเก่า

พ่อคำปุ่นทำด้ายผูกข้อมือให้ผมแล้วก็เป่าหัว สวดคาถาที่ฟังไม่รู้เรื่อง ได้ยินแต่เสียง พิง พิง พิง แค่นั้น

ด้ายผูกข้อมือนี้ ต่อมาได้เอาไปให้คนที่ชอบจับพลังพระลองจับดู คนแรกบอกว่าพลังสูงอย่างน่าเลื่อมใส อีกคนตรวจแล้วทำหน้างงๆ บอกว่าไม่เห็นมีพลังอะไร

คนที่งงหนักคือผม พองงหนักแล้วก็เลยเอาด้ายผูกข้อมือนั้นมาตัดเป็นท่อนๆ ฝังในพระฤษีที่ทำถวายหลวงปู่พรหมา แต่จำไม่ได้ว่าเป็นรุ่นไหน ใครเห็นว่ามีพระฤษีอยู่ในมือของตนเอง และพบว่าที่ใต้ฐานมีด้ายคล้ายๆสายสิญจน์ฝังอยู่ ก็เข้าใจเถิดว่า บางทีจะเป็นด้ายผูกข้อมือเส้นนั้นของผมเองที่พ่อคำปุ่นทำให้

ต่อมาพวกที่ไปด้วยก็บังอาจขอหวยกับพ่อคำปุ่น ท่านก็เมตตาเขียนรูปดาว 4 ดวงและ 5 ดวงให้ดูปรากฏว่างวดนั้นหวยออก 45 ตรงๆจริงๆ

นี่คือเรื่องพ่อคำปุ่นที่ผมเห็นว่าท่านเป็นคนบ้า แต่คนอื่นเห็นท่านเป็นฤษี

อย่าคิดไปหาท่านเลยครับ ไปก็ไม่เจอ เพราะว่าท่านเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 10 กว่าปี

อย่างไรก็ตาม ต้องนับว่าเป็นวาสนาของผม ที่ได้มีโอกาสพบคนบ้าคนหนึ่ง ที่มีอภินิหารแปลกประหลาด เหมือนพ่อผมยาวของ หลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น(วัดบ้านแดง) ไม่มีผิด”

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน