หลวงพ่อดำ จันทสาโร (พระครูนิภาวิหารกิจ) วัดนภาราม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

ถึงตรงนี้ได้มีภาพประกอบที่ฉบับที่แล้วขาดเขินลงไม่ครบมาลงให้ดูเป็นการทดแทน ทั้งรูปไม้ครูหรือไม้เท้าพระเวสสุวรรณ ที่คงกระบวนการสร้างตามแบบเดิมของบรมครูหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อดำทุกประการ

คุณสมบัติของไม้ครูนั้นได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมว่ามีตบะเดชะกว่าคนทั้งหลาย ใช้ในทางปกครองบริวารดีมาก เข้าหาผู้ใหญ่ ติดตามหนี้สิน ทั้งเจรจาชนะใจคนทั้งปวง บังเกิดลาภสักการะ เกิดโภคทรัพย์เงินทองซื้อง่ายขายคล่อง ตามแต่จะตั้งจิตอธิษฐาน คุณานุภาพอันแคล้วคลาดจากอุปัทวเหตุเพทภัยก่อความรุ่งเรืองให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ

แต่น่าเสียดายที่ไม้ครู 46 ด้าม ที่ทำขึ้นโดยดำริของหลวงพ่อดำตอนหลังสุดนี้ได้หมดไปก่อนแล้ว

คงต้องรอลุ้นรุ่นที่ 2 กันต่อไป ซึ่งแว่ว ๆ ว่าจะทำขึ้นมาอีกโดยหล่อหัวไม้ครูด้วยเงินแทนการกลึงหัวด้วยทองเหลือง

ขอให้ผู้สนใจติดตามกันต่อไป

หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม จ.นราธิวาส

หลวงพ่อดำ จันทสาโร เกิดเมื่อปี 2484 ที่ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส บวชที่วัดนภาราม และเป็นนักธุดงค์ไกลอีกรูปหนึ่ง โดยร่วมทางไปกับพระอาจารย์เทอม วัดเจาะไอร้อง จนตลอดทั้งภาคเหนือ อีสาน และล้ำเข้าไปในแดนเขมร

ตอนผ่านสุโขทัย ก็ได้ฝากตัวศึกษาวิชาอาคมอยู่กับหลวงพ่อปี้ วัดลานหอย แต่ที่ได้ศึกษากันจนถึงแก่นจริง ๆ ก็กับหลวงพ่อดี วาจาสิทธิ์ วัดสังฆาสิทธาราม ต.ตันหยงมัส จ.นราธิวาส และกับหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน มาเลเซีย

หลวงพ่อดำเล่าว่าอาจารย์ไร้ชื่อของท่านก็มีอยู่ ซึ่งได้ทำการแลกเปลี่ยนวิชาอยู่มากมายพอแยกจากกันแล้วก็ไม่เคยได้พบกันอีก เช่นวิชาทำปลัดขิก ก็ได้จากพระนิรนามรูปหนึ่งในภาคเหนือ ซึ่งปลัดขิกนั้นก็ได้ทำสืบต่อมาจนทุกวันนี้ และปรากฎอิทธิฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือ

หลวงพ่อดำ ทำปลัดขิกครั้งแรกราว ๆ ปี 2508 ส่วนใหญ่ทำจากเนื้อไม้รัก ไม้ราชพฤกษ์ และไม้กัลปังหา ที่ทำด้วยงาช้างก็มีอยู่ แต่ว่าน้อยมาก หมู่ศิษย์จะเรียกปลัดขิกของหลวงพ่อว่าปลัดเรดาร์ หรือปลัดเตือนภัย

มูลเหตุที่เกิดชื่อแปลก ๆ นี้ก็เนื่องจากว่า ศิษย์ท่านหนึ่งรับปลัดจากหลวงพ่อแล้วก็ทำตามคำสั่งของท่านว่า ให้แขวนไว้ที่เอวด้านขวา เวลาเกิดมีอาการคันยิบ ๆ ตรงผิวหนังด้านที่แขวนปลัดขิกก็ห้ามถอดปลัดขิกออกจากเอวเด็ดขาด

ลูกศิษย์ท่านนี้ได้เกิดอาการคันดังกล่าวจนถึงกับออกปากให้แก่เพื่อนพ้องฟัง และเมื่อเข้าห้องน้ำก็ถอดออก เสร็จธุระแล้วลืมไว้ที่ห้องน้ำ พอกลับบ้านก็ถูกคนร้ายยิงตายที่หน้าบ้านตนเอง

หลวงพ่อยังได้เล่าถึงวิชาอีกอย่างหนึ่งคือวิชาเสกดอกจำปาบินได้ ซึ่งท่านได้เล่าเรียนมาจากพระภิกษุนิรนามอีกรูปหนึ่ง สมัยธุดงค์ผ่านสระบุรี ท่านว่าเสกดอกจำปาให้บินไปหาสาวแล้วสาวจะมาหาด้วยความรัก เสียแต่ว่าท่านเป็นพระจึงทำไม่ได้ แต่ว่าวิชานี้ก็ยังไม่ลืม ยังทำได้แต่ไม่ทำ

นับว่าแปลกไม่น้อย

ข้อนี้ทำให้มองเห็นภาพว่าหลวงพ่อดำท่านเป็นพระที่รอบรู้สรรพวิชาอีกองค์หนึ่ง วิชาใด ๆ ที่ท่านยังไม่เปิดเผยให้หมู่ศิษย์คงจะยังมีอยู่อีกมาก

เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เกิดเรื่องน่าทึ่งอยู่เรื่องหนึ่งคือ นายไวกูร รัญเสวะ อายุ 34 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูกใต้เส้นประสาทตา อาการของผู้ป่วยจะปวดไปทั้งหน้าขึ้นถึงศีรษะ ปวดอย่างปวดฟัน มีไข้ขึ้นสูง ตาซ้ายมองไม่เห็นอะไรเลย มีเลือดสีแดงปนดำไหลออกมากถึงวันละประมาณ 1 แก้ว ระยะหลังเลือดจะมีกลิ่นคาวคลุ้งอย่างรุนแรง ได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าโอกาสรอดมีเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่น้อย ซึ่งภรรยาที่เป็นพยาบาลถึงกับกู้หนี้ยืมสินหาเงินมาทำการรักษาจนสุดความสามารถ

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาหมดหวังแล้ว จึงมากราบหลวงพ่อดำ ซึ่งท่านได้เอาเหล็กจาร 3 ด้าม มัดรวมกันด้วยสายสิญจน์จารอักขระลงบนกระหม่อมนายไวกูร พร้อมกับสั่งว่า
“ชะตาเอ็งไม่ขาด ไม่ตายแน่ และไม่ต้องกลับมาหาข้าอีก”

ทุกวันนี้อาการของนายไวกูร พ้นวิกฤติ สุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ จนมีความศรัทธาในองค์หลวงพ่อดำเป็นที่สุด แม้เงินทองไม่คล่องตัวก็ยังสู้อุตส่าห์ขอเช่าพระปิดตาปรกงูเนื้อพิเศษที่แพงมากคือ องค์ละ 2 พันบาท จากคุณอภิชาติ จุฬาสินนท์ ไป 2 องค์ แถมด้วยไม้ครูอีกหนึ่งด้ามด้วย

นายไวกูร ปัจจุบันแข็งแรงจนประกอบอาชีพได้ด้วยการขับรถตู้ปรับอากาศสายนราธิวาส – หาดใหญ่ ให้กับบริษัทโซเฟียทรานสปอร์ต นายไวกูรมีบ้านพักอยู่ที่ 35/8 ถ.ประชาพัฒนา อ.เมือง จ.นราธิวาส ใครสนใจสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อนายไวกูรได้

เกี่ยวกับพระปิดตาปรกงูที่ได้ลงเรื่องไว้ตอนที่แล้วนั้น จะได้อธิบายเพิ่มเติมว่าที่คณะศิษย์โดยคุณอภิชาติ จุฬาสินนท์ แกนนำได้มีศรัทธาสร้างถวายเพื่อตอบแทน แก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างศาลาพิพิธภัณฑ์อเนกประสงค์ของวัดนภาราม เมื่อต้นเดือนตุลาคมได้มีกฐินคณะใหญ่ลงที่วัด คนมาเลเซียมากันมาก พระปิดตาปรกงูพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว ได้เงินเข้าวัดเฉพาะวันนั้นวันเดียวประมาณ 2 แสนกว่าบาท นับว่าน่ายินดียิ่ง

มูลเหตุที่ทำเป็นรูปพระปิดตาปรกงูมีอยู่ว่า งูเป็นปีเกิดของหลวงพ่อดำ คุณอภิชาติ อยากให้มีรูปงูปรากฏในองค์พระด้วยและได้เคยเห็นปิดตาปรกงูของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโรก็เกิดจับใจอยากให้คงลักษณะอันนั้นไว้ จึงมอบหมายให้ผมเป็นผู้ออกแบบสร้าง และเมื่อทำได้สำเร็จแล้ว พระเดินทางไปถึงมือหลวงพ่อดำก็ถึงกับอุทานว่าเป็นของแปลกที่บังเอิญมาเกิดตรงกัน คือสมัยดั้งเดิมวัดนภารามเคยมีพระบูชารูปพระปิดตาปรกงู เหมือนอย่างนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

เรื่องนี้ผมเองไม่ทราบมาก่อนเช่นกัน จึงถือเป็นเรื่องบังเอิญดังที่หลวงพ่อกล่าว

ทางใต้ไม่เรียกพระปิดตา พิมพ์นี้ว่า พระปิดตาปรกงู แต่เรียกว่าปิดตาพังพกานต์ (ไม่ทราบว่าสะกดอักษรถูกต้องหรือเปล่า) ได้รับคำอธิบายว่าทางใต้มีวัดที่มักออกพระปิดตาปรกงูมาก่อนแล้ว พระปิดตานี้จึงถูกเรียกตามลักษณะของวัดนั้น

เรื่องของ หลวงพ่อดำ จันทสาโร พระขลังสุดแดนมาเลย์ทั้ง 2 ตอน แม้ไม่ได้เขียนอย่างละเอียดถึงใจ แต่เป้าคือ ประชาสัมพันธ์เพื่อเห็นแก่การกุศลของวัดโดยบริสุทธิ์ใจ ผู้ใดมีศรัทธาเป็นอันไม่ต้องลังเล

ไม่มีเรื่องของพุทธพาณิชย์ อย่างที่รู้จักกันทั่วไปมาเกี่ยวข้องหรอกครับ
……………………………………………..
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 310  วันที่ 1 ธันวาคม 2538

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน